‘นิกร‘ พาคณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นแก้รัฐธรรมนูญ พบ สว.

‘นิกร‘ พาคณะอนุกรรมการฟังความเห็น แก้รัฐธรรมนูญ พบ สว. เป็นกลุ่มแรก ชวนออกแบบแบบสอบถาม หวังผ่านการเห็นชอบจาก สว. จ่อคุย ’ก้าวไกล- สส.’ เดือนหน้า เดินสายรับฟังประชาชนทั่วประเทศ ย้ำยกร่างใหม่โดย สสร. จะทำให้ ปชช.รู้สึกเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ

วันนี้ (30 ต.ค. 66) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ของรัฐบาล

นายนิกร จำนง ประธานอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นฯ เปิดเผยว่า วันนี้ (30 ต.ค.66) มาร่วมประชุมเพื่อรับฟังความเห็น สว. เป็นกลุ่มแรก เพื่อนำคำถามประชามติที่ตั้งเป็นตุ๊กตา มาให้ที่ประชุม ได้ร่วมกันพิจารณา และขอให้ร่วมกันตั้งคำถาม เพื่อไปถามสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด เนื่องจาก สว. มีส่วนในการลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อจะได้ทราบแนวทางว่าถ้าส่งมาแล้วจะรับหรือไม่ โดยหลังจากนี้ต้องรอเปิดสมัยประชุมสภา จะได้ส่งคำถามไปให้ จากนั้นจะรวบรวมสรุปออกมา

ต่อมา ในวันที่ 2 พ.ย. คณะอนุกรรมการฯ จะหารือกับ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีเนื้อหาในลักษณะเดียวกัน แต่ความเห็นของทั้งทางวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรน้ำหนักจะต่างกัน

นายนิกร เผยว่า อีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องไปพูดคุยคือพรรคก้าวไกล เพราะพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับหลักการนี้ เพื่อฟังความเห็นตรงที่ไม่เห็นด้วยและหาแนวทางคลี่คลาย และในวันที่ 8 พ.ย. 66 จะมีการรับฟังเยาวชนคนรุ่นใหม่ นักเรียนนักศึกษา ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นการทำเป็นโฟกัสกรุ๊ป โดยจะมีนายภูมิธรรม เวชยชัย ประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ ร่วมรับฟังด้วย

หลังจากนั้นจะเดินสายรับฟังความเห็นแต่ละภาค รับฟังเกษตรกรและชาวชนบทที่ภาคอีสาน จังหวัดสกลนคร หลังจากนั้นจะภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ฟังความเห็นเมืองท่องเที่ยวและชาติพันธุ์ จากนั้นจะไปภาคตะวันออกในมุมมองของกลุ่มผู้ใช้แรงงานและเกษตรกรรม สุดท้ายวันที่ 7 ธ.ค. 66 จะลงไปฟังความเห็นพี่น้องชาวมุสลิมและเขตชายแดนที่ภาคใต้ ซึ่งเมื่อได้ความคิดเห็นครบทั้งหมดแล้วก็จะมีการสรุปในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ธ.ค. และคงได้ข้อสรุปจากคณะใหญ่ในช่วงปลายสัปดาห์ และต้นปี 2567 ก็จะเสนอให้รัฐบาลได้

“สำหรับคำถามที่จะถามประชาชน ต้องเป็นคำถามที่ง่ายๆ และชัดเจน แต่คำถามที่ว่าก็คงไม่ได้บอกว่าแก้มาตราไหน เพราะไม่ใช่หน้าที่ อย่างไรก็ตาม คำถามในมุมประชาชนจะถามว่าท่านจะแก้หรือไม่ แก้ในส่วนไหน จะได้เอาเหตุผลในการแก้จะได้รวบรวมตรงนี้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของคณะกรรมการ เป็นหน้าที่ของ สสร.ที่จะทำ ส่วนที่เป็นประเด็นที่ สสร.มาจากไหน ก็ไม่ใช่เรื่องที่คณะกรรมการชุดนี้จะเคาะ เพราะเป็นเรื่องที่คณะกรรมาธิการที่จะตั้งในวาระที่ 1 จะต้องเป็นคนคิด” นายนิกร กล่าว

ส่วนการพูดคุยกับ สว.ที่บางคนไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับและควรแก้บางมาตรานั้น นายนิกร กล่าวว่า ฝ่ายการเมืองและฝ่ายรัฐบาลที่เลือกจะแก้ทั้งฉบับโดยเว้นหมวด 1 และ 2 เราอยากให้รัฐธรรมนูญชุดนี้เป็นของประชาชน การแก้เพียงรายมาตราไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้น การมี สสร.คือการให้มีรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของ นี่คือความแตกต่าง ไม่ใช่แก้ไม่ได้ เป็นรายมาตราก็แก้ได้ แต่ต้องการให้ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของ เพราะหลักการไม่ใช่หลักการในตัวมาตรา แต่เป็นหลักของรัฐธรรมนูญที่ควรจะมาจากไหน ซึ่งส่วนนี้จะต้องทำความเข้าใจ เราไม่ใช่จะแก้ 200-300 มาตรา แต่ถ้าเราแก้หลายจุด มาตราจะเคลื่อน แต่ถ้าแก้เป็นรายมาตรา มาตราจะล็อก แก้ยาก