POLITICS

‘หลวงพ่อดาวดิน’ นั่งอดอาหารประท้วงหน้าศาลอาญา เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง

วันนี้ (19 เม.ย. 64) ที่บริเวณหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลวงพ่อดาวดิน ปฐวัตโต อายุ 59 ปี นั่งปักหลักอดอาหารประท้วง โดยดื่มเพียงน้ำเปล่าอย่างเดียว ซึ่งวันนี้ย่างเข้าสู่วันที่ 6 ของการอดอาหารเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวเหล่าบรรดาแกนนำราษฎรและนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งบรรยากาศวันนี้มีประชาชนส่วนหนึ่งรวมตัวกันบริเวณทางเท้าริมรั้วศาลอาญา เพื่อให้กำลังใจหลวงพ่อดาวดิน

หลวงพ่อดาวดิน กล่าวว่า ตนเองต้องการสื่อสารไปถึงผู้มีอำนาจและคนไทยในสังคมให้รับรู้ถึงความยากลำบากของนักโทษทางการเมืองที่ถูกคุมขังโดยไม่ได้รับสิทธิ์ในการประกันตัวชั่วคราว หลวงพ่อดาวดิน ได้เล่าประวัติตนเองอย่างพอสังเขปว่า เดิมทีตนเองเป็นชาว จ.อุบลราชธานี เริ่มบวชเรียนใน พ.ศ.2536 ก่อนบวชเรียนได้เข้าศึกษาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยคำแหง และออกมาบวชก่อนที่จะสำเร็จการศึกษา โดยตนเองนั้นเริ่มจากการบวชโดยคณะสงฆ์ชาวอโศก ซึ่งไม่ได้สังกัดกับมหาเถระสมาคม เมื่อปลายพรรษาที่ผ่านมาได้ตัดสินใจลาออกจากการปกครองของคณะสงฆ์ชาวอโศก ซึ่งการลาออกนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าตนเองนั้นมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากคณะสงฆ์คนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องลาออกมาเพื่อดำเนินการตามวิธีทางที่ตนเองเห็นว่าสมควร

หลวงพ่อดาวดิน ยังกล่าวด้วยว่า ตอนนี้อดอาหารมาเป็นวันที่ 6 แล้ว ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียจากเดิม ส่วนจุดมุ่งหมายคือต้องการให้นักโทษทางการเมืองได้รับการปล่อยตัว หากน้องๆ ที่ถูกคุมขังมีการเปลี่ยนวิธีการในการเรียกร้องตนเองก็อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนที่มีคนมองว่าพระสงฆ์ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หลวงพ่อดาวดิน กล่าวว่า หากพระไม่ยุ่งเกี่ยวกับชาวบ้าน แล้วพระจะไปรับบิณฑบาตจากชาวบ้านด้วยเหตุผลใด และในประเด็นความเห็นที่แตกต่างกันของผู้คนในสังคม ตนเองมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา หากลองเปรียบเทียบกับพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล ภิกษุที่เลื่อมใสในพระมหากัสสปะจะเดินจงกรมเป็นหมู่กับพระมหากัสสปะ ส่วนภิกษุที่เลื่อมใสในพระอานนท์ก็จะเดินจงกรมกับพระอานนท์ จึงมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา

อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเมืองกับธรรมะ ตนเองมองว่ามีความสอดคล้องสัมพันธ์กัน เพราะธรรมะคือแบบแผนให้มนุษย์ลดละจากกิเลส และการอดอาหารกับพระสงฆ์ หรือนักบวชก็เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ เพราะโดยปกติการที่จะเรียนรู้เวทนาต้องมีการอดอาหารกันเป็นครั้งคราว หรือจะเป็นการอดอาหารเพื่อสุขภาพ ก็เคยมีเกิดขึ้นอยู่บ้าง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่มานั่งบริเวณนี้ได้มีเจ้าหน้าที่มาสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของตนเอง แต่ยังไม่มีการแจ้งเกี่ยวกับความผิดต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งตนเองไม่ได้กังวลในแง่ของกฎหมาย เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้มาบอกกล่าวอะไรเพียงแต่มาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เป็นระยะ

Related Posts

Send this to a friend