PEOPLE

เปิดใจ ชัย ชิดชอบ กับหน้าที่ของ ส.ส. และรัฐสภาที่เหมือนชีวิต

11 ก.ย.2562 The Reporters ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายชัย ชิดชอบ ที่นัดหมายกันไว้ที่อาคารรัฐสภา เแห่งใหม่ เกียกกาย ที่ซึ่งนายชัย หรือที่เรียกกันว่า “ปู่ชัย” มีความสุขทุกครั้งที่ได้มาที่นี่ และมีรอยยิ้มสดใส แม้เป็นวันที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่นาน

นายชัย ยอมรับว่า เหตุที่รักรัฐสภา นอกจากการเป็น ส.ส.แล้ว ส่วนตัวได้มีส่วนในการผลักดันการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่นี้ให้ตั้งแต่เป็นประธานรัฐสภา เมื่อปี 2551 ซึ่งตั้งใจสร้างอาคารรัฐสภาให้ดีเพราะเป็นสถานที่สำคัญต่อประเทศชาติ เป็นที่ทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ และสำหรับนายชัย ชิดชอบ รัฐสภา เปรียบเหมือนชีวิตและลมหายใจ

“รัฐสภา เหมือนชีวิต เหมือนที่รวมใจ เราได้คิดว่าประเทศไทยอยู่ได้ต้องมีสถาบันรัฐสภา เพราะมีฝ่ายบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ เราอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติตลอด ถ้าสภาไม่ใหญ่ ไม่เข้มแข็งบ้านเมืองอยู่ได้ไหม สภาสูงอย่างเดียว ไม่มีสภาล่าง ก็ไม่ได้
 
รัฐสภาจึงสำคัญมาก อะไรจะสำคัญกว่าสภาไม่มีอีกแล้ว ถ้าไม่มีสภา จะมีการประชุมวันนี้ไหม จะมีการลุกขึ้นพูด มีการพูดซักถามไหม จะมีการเสนอประเด็นปัญหาจากชาวบ้าน ที่ให้ ส.ส.ตั้งกระทู้ถาม และให้พูดปัญหาชาวบ้าน เป็นเรื่องที่ผมวางไว้นะ เริ่มในสมัยผม ไม่ใช่เริ่มสมัยอื่น”

นายชัย ย้ำว่า หน้าที่ ส.ส.คือ เสนอปัญหาของคนในชาติ เพื่อให้รัฐบาลรับรู้ เพื่อนำปัญหาไปแก้ไข มันจึงจะถูกจุด ให้แต่ข้าราชการทำไม่ได้ ส.ส.เป็นข้าประชาชนนะ ข้าราชการก็อยู่ที่ตึก ไม่ได้อยู่กับดิน เราต้องแปลคำให้ออก
 
ส.ส.ในความหมายของนายชัย จึงหมายถึงขี้ข้าของประชาชนและอยู่กับดิน

นายชัย ยอมรับว่า .การเป็นประธานสภาฯต้องเรียนรู้แต่ผมไม่ได้เรียนมาก แต่อาศัยรู้มาก ใครพูดมาก็วิจัย จำ ศึกษาเอา เราไม่ถือสา เด็กเล็กเราก็จำ ยอมเขา

สำหรับการทำหน้าที่ประธานรัฐสภาชั่วคราวที่ผ่านมานั้น นายชัย บอกว่า ไม่ยากและสนุกดี

ไม่ยากอะไรสักนิด เรื่องเด็กๆ เด็กชอบกินขนม บางคนชอบกินหวาน กินเปรี้ยว เราเอาใจเขาก็หมดเรื่อง เราไม่เอาใจเขา อย่างช่างกล้องเอาใจเขาต้องให้เบี้ยเลี้ยงมากๆหน่อย ไม่ยากหรอกชินแล้ว นั่งบวชเป็นพระ สวดสองสามชั่วโมง สวดได้ก็ชินแล้ว

 

ส่วนเทคนิคการจำชื่อ ส.ส.ได้แม่นยำนั้น นายชัย เล่าว่า “ถ้าอยู่สักปีเดียว จำได้ นี่มาใหม่ 70 คน ก็เริ่มจำได้10-20 คน  แต่เขาก็ดีกับเราทุกคน เราก็ดีกับเขา เห็นเราเขายกมือไหว้ แต่บางคนยกมือไหว้แบบด่าเราก็ไม่รู้

ส่วนการทำหน้าทีประธานสภาผู้แทนราษฏรในบัลลังก์ ยากไหม นายชัยตอบว่า


หน้าที่เรา ถ้าเราทำตรงไปตรงมา ไม่มีปัญหาอะไร แต่บางทีถ้าลำเอียงเขานิดหน่อย มันก็เกิดเรื่อง เราพยายามปล่อยเขาไป ให้เขาอยู่ในกรอบ เพราะมีกติกาของมัน

เมื่อถามว่า ตอนเป็น ส.ส.เคยนึกไหมว่าจะได้เป็นประธานสภาฯ 
“ไม่นึกเลย ผมเป็นชาวบ้านธรรมดา แล้วตอนสมัครผู้แทน ปริญญาไม่มี จบแค่ชั้นม .6 แล้วเป็นครูแล้ว ลาออก มารับจ้างขายของก็มี ตามอนาถา เสร็จแล้วก็ต่อสู้ ค้าขาย สร้างโรงโม่ ดิ้นรน กู้หนี้ยืมสิน แล้วมาสมัครผู้ใหญ่ กำนัน สมาชิกเทศบาลก็ได้เป็น สภาจังหวัดก็ได้เป็น สมัครผู้แทนก็ได้เป็น ได้เป็นทุกตำแหน่ง ผมจบปริญญาด้านนี้ได้เปรียบเขาเพราะเป็นมาทุกตำแหน่งแล้ว” นายชัยกล่าว พร้อมยิ้ม

จากจุดเปลี่ยนที่ตัดสินใจมาเล่นการเมืองหลังจากย้ายมาทำธุรกิจโรงโม่หิน ที่จ.บุรีรัมย์ ถูกแกล้งจับกุมจนติดคุก จึงคิดว่าต้องต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม และเริ่มเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน สจ.และ ส.ส. สมัยแรกในปี 2512 ซึ่งยังจำครั้งแรกที่เข้าประชุมสภาฯได้ว่า ใส่ชุดกำนัน ไปประชุม ส.ส.

“ผมแต่งตัวกำนัน เป็น ส.ส.คนแรก ที่ไม่ได้ใส่สูท ใส่กางเกง ผ้าพันคอ มีแถบ รุ่นเดียวกับทองดี และ ชวน หลีกภัย เขาตัวเล็กๆ แต่มีอารักขา มีส.ส.ศรีสะเกษ ส.ส.ที่อารักขาตัวใหญ่กว่า” นายชัยเล่าถึง นายชวน หลีกภัย ส.ส.เพื่อนร่วมรุ่น

นายชวน หลีกภัย เพื่อน ส.ส.ร่วมรุ่น

เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ว่าจะได้เป็น ส.ส.ตลอดชีวิต นายชัย ตอบว่า “ไม่คิดแต่เล่นมามันติด ครั้งที่ 1 ได้ จนถึงครั้งที่ 7 ผมสอบตก สมัยนั้นแบบพรรคอนาคตใหม่เลยนะ แบบเดียวกัน ในพรรค มีแต่พวกเด็กโดยส่วนมาก”
 
นายชัย ยอมรับว่า ในการเลือกตั้งส.ส.แล้วสอบตกครั้งแรกตอนนั้น หกเดือนเท่านั้นเอง เขาก็ยุบสภา ทหารยุบเลย เสร็จแล้วสมัครใหม่ก็ได้มาใหม่และยอมรับว่า เมื่อเป็น ส.ส.แล้วมันติด “มันติด นี่ผมคราวนี้ว่าจะไม่ลง แต่ลูกบังคับให้ลง คือถ้าผมไม่ลง คะแนนก็ตก เพราะชาวบ้านยังเอาเราอยู่ เพราะเราไปที่ไหนก็รับใช้อยู่ เราเป็นขี้ข้าอยู่ ฉะนั้นปัญหาเรื่องผู้แทน คะแนนปาตี้ลิสในบุรีรัมย์  8 คนก็มาทั้ง 8 เหมือนเอารูปติด เป็นโลโก้

แต่เมื่อถามว่าสรุปแล้วอาชีพของพ่อชัย คือเป็น ส.ส.ตลอดชีวิต ใช่ไหม นายชัยตอบว่า ไม่ใช่ “อาชีพเรานะ คืออาชีพทำหิน ก็ทำมาตลอด ทำโรงโม่หิน พอเลี้ยงตัวได้ ตอนนี้ถนนเขาทำดี ต้องวิ่งซื้อหิน เรามีหน้าที่ทำหินขาย อยู่ได้ ไม่ต้องโกงใคร ไม่ต้องซื้อวัวควาย ตีหินขายก็พอแล้ว “ส.ส.มันไม่ใช่อาชีพหาเงิน ไม่มีเลย และเราไม่หาด้วย เดือดร้อน เรามาเป็นส.ส.เพราะอาสามาเป็นผู้แทนของประชาชน ก็มาทำงานแทนประชาชน ประชาชนเป็นใหญ่ “

แล้วอะไรทำให้นายชัย ชิดชอบ อยู่มาได้ทุกยุค มีหลักการอย่างไร นายชัยตอบว่า “เป็นเรื่องธรรมชาติ อย่าคิดทะเยอะทะยาน เราห้ามฝนไม่ให้ตกได้อย่างไร ฉะนั้นปัญหาธรรมชาติเป็นเรื่องสำคัญมาก”

เมื่อถามว่าอยากให้ลูก ส.ส.คนไหน เป็น ส.ส.บ้าง นายชัย ตอบว่า ไม่มีแล้ว ไม่มีใครเป็นแล้ว เนวิน เขาก็ไม่เป็น ส.ส.แล้ว มีแต่ใครจะเป็นรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก็เป็นแล้ว ส่วนอีกคน พล.ต.ท.เพิ่มพูล ก็เป็นนายพล เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนจะให้หลาน ซึ่งเป็นลูกของนายเนวินนั้นคงยาก พ่อเขาไม่ให้เล่น โดยเฉพาะชิดชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของนายเนวิน เป็นผู้จัดการฟุตบอลไปแล้ว
 
ส่วนความตั้งใจในทางการเมืองที่เป็นส.ส.บุรีรัมย์ได้พัฒนาจ.บุรีรัมย์นั้น ยังมีอะไรอยากทำอีก นายชัย บอกว่า แต่ก่อนเป็นเจ้างบประมาณก็จริง แต่อยากให้มีงบประมาณให้คนกรุงเทพบ้าง
 
“แต่กอ่นทำจนเป็นเจ้างบประมาณ เดี๋ยวนี้ให้คนใหม่ๆทำบ้าง สงสารคนกรุงเทพ ที่เขาบอกกรุงเทพได้งบมาก ไม่ใช่หรอก ถ้าเราดูจริงๆ ได้น้อยมาก สร้างถนน คอนกรีต รถไฟวิ่งเร็ว คนบ้านนอกมาใช้ คนบ้านนอกไม่ใช้เท่าไหร่หรอก อย่างนี้ก็ไม่ใช่คนกรุงเทพ แล้วจะไปถือสาหาว่าคนกรุงเทพได้งบประมาณมาก ไม่ใช่ นักข่าวไม่เคยเขียนเรื่องจริงให้ชาวบ้านรู้ อย่างคนที่มากรุงเทพ ก็บ้านนอกทั้งนั้น เราจึงสงสารคนกรุงเทพ ถ้ามีของบประมาณให้คนกรุงเทพ เราจะไม่เตะ ให้เขาไป”

นั่นคือสิ่งที่ปรมาจารย์งบประมาณ อยากเห็น รวมถึงการพัฒนาที่เกิดขึ้นในจ.บุรีรัมย์ ก็อยากให้มีขึ้นที่อื่นด้วยทั้งในภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้

สิ่งที่เกิดขึ้นในจ.บุรีรัมย์แล้ว นายชัย อยากเห็นการพัฒนาในบ้านเกิด จ.สุรินทร์ ด้วย ซึ่งต่อไปลูกๆคงทำให้สำเร็จ แต่สิ่งที่ทำให้ บุรีรัมย์ เป็นความภูมิใจที่สุดในชีวิต

“ทำมากับมือ ภูมิใจอยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 2511 ตั้งแต่เป็นผู้แทน ผมสร้างของดีดีใหญ่ๆที่เป็นงบประมาณแผ่นดิน เราต้องยกย่องว่าเป็นเงินของประเทศ มีสนามบิน ศาลากลาง โรงพยาบาล ตึกใหญ่ๆสามสี่ตึก เท่านี้ก็พอ ส่วนถนนสี่แลนหมดแล้ว เดี๋ยวจะขยายสนามบิน จะใหญ่กว่าสงขลา ตอนนี้กำลังแนะ รัฐมนตรีให้ช่วยเขา เขาจะเอาทางใต้ให้เต็มที่ ให้ทางใต้ไม่อิจฉาใครงบปี 2563 จะตั้งใหม่ คงจะได้เงินทางใต้เยอะ เขาให้เยอะ”

แม้จะเป็นช่วงเวลาที่นายชัย ในวัย 92 ปีจะสุขภาพไม่แข็งแรงมากนักด้วยความชรา แต่ยังตอบคำถามได้ฉะฉาน ยังมีมุขตลก ยังมีรอยยิ้ม เสี้ยงหัวเราะทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์สื่อ รวมทั้งแง่คิดทางการเมืองในแบบ “ชัย ชิดชอบ” ก่อนจะทิ้งท้ายว่า

“โปรดเรียกฉันว่า ส.ส.หนุ่มในวัย 92 ปี”

Related Posts

Send this to a friend