KNOWLEDGE

วิศวกรอวกาศ NASA ร่วม ม.เกษตร ในภารกิจ วางระบบทดสอบส่งอุปกรณ์ไปสถานีอวกาศนานาชาติ

วิศวกรอวกาศ NASA ร่วมภารกิจวางระบบทดสอบส่งอุปกรณ์ไปสถานีอวกาศนานาชาติ กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระหว่าง 18 – 23 กันยายน นี้ 

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ Mr. Tyler Hatch วิศวกรอวกาศ หรือResearch Aerospace Engineer สังกัด Fluids and Combustion Division,NASA Glenn Research Center, Cleveland, Ohio, USA เข้าพบ ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในโอกาสเดินทางมาประเทศไทยเพื่อปฏิบัติภารกิจวางระบบการสร้างเพย์โหลดสำหรับการทดลองผลึกเหลว (Liquid Crystal) ในอวกาศ ภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (NASA) ในการศึกษาผลึกเหลวหรือ Liquid Crystal ในอวกาศ โดยมี รศ.ดร.อภิสิฏฐ์ ศงสะเสน คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ผศ.ดร.ณัฐพร  ฉัตรแถม อาจารย์ผู้วิจัยหลักในโครงการความร่วมมือด้านการวิจัยในอวกาศ เข้าร่วม

ผศ.ดร.ณัฐพร ฉัตรแถม กล่าวว่า Dr. John B Mcquillen ซึ่งเป็น Director ของ Fluids and Combustion Division, NASA Glenn Research Center มอบหมายให้วิศวกรอวกาศ Mr. Tyler Hatch มาที่ประเทศไทย เพื่อวางระบบการสร้างเพย์โหลดสำหรับการทดลองผลึกเหลว (Liquid Crystal) ในอวกาศโดยทาง NASA Headquarter ที่กรุงวอชิงตันดีซีเป็นผู้วางแผนและอนุมัติการอินทิเกรตเชื่อมต่อเพย์โหลดนี้กับกล้องจุลทรรศน์ KERMIT ของบริษัท Leidos ซึ่งตอนนี้อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ ISS อยู่แล้ว Mr. Tyler Hatch จะเป็นผู้ประสานงานร่วมกับวิศวกรจากบริษัท Leidos เพื่อวางระบบการเชื่อมต่อเพย์โหลดที่ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

นำโดย ผศ.ดร.ณัฐพร ฉัตรแถม และผศ.ดร. อภิชาติ พัฒนโภครัตนา จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และวิศวกรจาก GISTDA นำโดยดร.ณัฐวัฒน์ หงส์กาญจนกุล และดร.สิทธิพร ชาญนำสิน จะเป็นผู้ออกแบบและสร้างขึ้นตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่ NASA และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ลงนามร่วมกัน และได้มีการแถลงข่าวโครงการความร่วมมือวิจัย Liquid Crystal หรือ การศึกษาผลึกเหลวในอวกาศ ในงานฉลองบันทึกความเข้าใจ(MOU) Kasetsart-NASA Memorandum of Understanding Celebration Ceremony ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา

ผศ.ดร.ณัฐพร ฉัตรแถม กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้การออกแบบได้ลงรายละเอียดการสร้างเพย์โหลดในส่วนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เชื่อมต่อและส่วนของฮาร์ดแวร์แล้วเพื่อทดสอบในมาตรฐานแรกของ NASA ในการส่งอุปกรณ์ไปบนสถานีอวกาศนานาชาติที่เรียกว่า SRR หรือ Science Requirement Review หลังจากนั้นจึงเข้าสู่ Preliminary Design Review หรือ PDR ซึ่งเป็นมาตรฐานถัดไป จากมาตรฐานทั้งหมด 5 ระดับที่ทาง NASA ได้กำหนดไว้ในการจะอนุญาตให้อุปกรณ์ถูกนำไปเชื่อมต่อบนสถานีอวกาศนานาชาติได้

สำหรับบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (NASA) ในการศึกษาผลึกเหลว หรือ Liquid Crystal ในอวกาศเป็น MOU แรกที่ NASA  ลงนามร่วมกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยประเทศไทยทำหน้าที่เป็นผู้สร้างและทดสอบ set อุปกรณ์การทดลองที่จะถูกส่งขึ้นไปบนสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station, ISS) และ NASA เป็นผู้รับผิดชอบในการขนส่ง set อุปกรณ์นี้ขึ้นไปบน ISS เพื่อให้นักบินอวกาศของ NASA  เป็นผู้ทำการทดลองภายใต้การควบคุมการทดลองโดยทีมนักวิจัยจากประเทศไทย โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพร ฉัตรแถม จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นหัวหน้าทีม โดยผู้ร่วมวิจัยในทีมประกอบด้วย ผศ.ดร.อภิชาติ พัฒนโภครัตนา จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ดร.ณัฐวัฒน์ หงส์กาญจนกุล จาก GISTDA  โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะเป็นผู้รับผิดชอบ scientific part ของการทดลองนี้  และ GISTDA จะเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างและทดสอบ set อุปกรณ์ โดยจะมีทีม engineer จาก NASA เป็นผู้กำกับดูแลร่วมกับทีมวิศวกรไทยในการสร้างอุปกรณ์ทั้งหมด  ซึ่งการทดลองนี้จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะได้สร้างอุปกรณ์ขนาดใหญ่เพื่อให้นักบินอวกาศเป็นผู้ทดสอบและทดลองในอวกาศ  

ทั้งนี้การสร้างอุปกรณ์ดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับ safety criteria ของการทดลองที่มีมนุษย์เป็นผู้ควบคุมในอวกาศ และการทดลองนี้จะเป็นพื้นฐานให้ทีมอวกาศไทยสามารถต่อยอดเพื่อสร้างจรวดส่งไปในอวกาศได้เองในเวลาอันใกล้นี้

ในการทดลอง Liquid Crystal บนสถานีอวกาศนานาชาติ นักวิจัยไทยจะทำการศึกษาผลึกเหลวหรือLiquid Crystal ซึ่งเป็น complex fluid หรือของไหลที่ซับซ้อนเพื่อให้เข้าใจคุณสมบัติทางความร้อนโดยละเอียดในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง  สิ่งที่สนใจในการศึกษา คือการสร้างฟิล์มบางของผลึกเหลวเพื่อศึกษาจุดพร่องหรือ defect ในโครงสร้างของผลึกเหลวซึ่งเกิดจากผลของการเปลี่ยนแปลงของความร้อนในทันที จุดพร่องที่ศึกษานี้เป็นสิ่งที่เกิดอยู่เสมอในหน้าจอแอลซีดี  การเข้าใจจุดพร่องซึ่งเป็นปัญหาหลักของแอลซีดีเป็นหัวข้อที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจกันทั่วโลก  

การที่ทีมนักวิจัยไทยได้มีโอกาสศึกษาจุดพร่องเหล่านี้ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงจะทำให้สามารถกำจัดผลของแรงโน้มถ่วงปัจจัยของแรงอย่างหนึ่งในการสร้างให้เกิดจุดพร่องนี้  และจะทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของการเกิดจุดพร่องเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น  ซึ่งจะทำให้สามารถกำจัดจุดพร่องเหล่านี้ออกจากเทคโนโลยีแอลซีดีที่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันได้  อันจะทำให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีแอลซีดีนี้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการต่อยอดให้เทคโนโลยีอุตสาหกรรมหน้าจอแอลซีดีซึ่งมีมูลค่ากว่า 300,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีสามารถพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน 

Related Posts

Send this to a friend