FEATURE

เลือกครีมกันแดดตรงสภาพผิว – ดื่มน้ำเหมาะสม ตัวช่วยผิวแข็งแรงทนยูวี

เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข ดังนั้นไม่ควรมองข้ามการเลือกครีมกันแดด ให้เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะอากาศเมืองไทย ที่ปีนี้คาดว่าจะร้อนระอุมากกว่า 40 องศา ในช่วงเดือนมีนา-เมษายน เนื่องจากครีมกันแดดนั้น เปรียบเสมือนปราการป้องกันผิวหน้าของเรา ให้ดูอ่อนเยาวกว่าวัยและไร้ริ้วรอย ที่เกิดจากรังสียูวีในแสงแดดจ้า ดังนั้นจึงเป็นไอเท็มหนึ่งที่คนหนุ่มสาว ควรใช้เป็นประจำทุกวัน แม้ต้องนั่งทำงานในออฟฟิศก็ตาม ทั้งนี้นอกจากการใช้ครีมกันแดด การเลือกกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และการเลือกผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง ก็เป็นสิ่งที่ต้องดูแลผิวหน้าควบคู่กัน

The Reporters ได้สอบถามไปยัง “พญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุล” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย ผู้ก่อตั้ง “ลลนา คลินิก” (Lollana Clinic) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกครีมกันแดด ให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน เนื่องจากคนรักสุขภาพบางคน มักเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับแดดเมืองไทย รวมถึงการเลือกรับประทานกลุ่มอาหาร ที่ช่วยเสริมผิวให้แข็งแรงสู้แดดได้ดี รวมถึงการดื่มน้ำอย่างเหมาะสมที่ช่วยเรื่องผิว และสร้างความสมดุลให้ร่างกายช่วงหน้าร้อน

พญ.พลอยลดา ให้ข้อมูลว่า “ประเทศไทยอยู่ในเส้นศูนย์สูตร หรือเส้นแบ่งโลกในเขตที่มีสภาพอากาศร้อน และปัจจุบันโอโซนในอาการบางลง จึงทำให้บ้านเรามีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 จึงไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกครีมกันแดดที่มีค่า ค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป หรือค่า SPF 50 จึงจะสามารถป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญควรทาครีมกันแดด 1 ข้อนิ้วมือ จึงจะเพียงพอต่อการป้องกันรังสี UVA (รังสีอัลตราไวโอเลตที่ยาว และสามารถทะลุไปถึงชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ได้ และทำให้ผิวคล้ำขาดความสดใส) และรังสี UVB (รังสีอัลตราไวโอเลตที่มีความยาวคลื่นรองลงมา จะถูกกันโดยชั้นบรรยากาศบางส่วน) ทั้งนี้หากคนหนุ่มสาวเลือกครีมกันแดด SPF 50 ที่ระบุค่า PA ++++ (ค่า PA คือ ระดับประสิทธิภาพของครีมกันแดด ในการปกป้องผิวของเราไม่ให้ถูกทำร้าย จากรังสีรังสี UVA ที่ส่งผลถึงผิวหนังชั้นกำพร้าที่ลึกสุด) ก็ยิ่งป้องกันผิวจากแสงแดดได้ดีมากขึ้นไปอีกเช่นกัน”

เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยได้

“สำหรับคนที่มี “ผิวมัน” ควรเลือกครีมกันแดด ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก หรือ Water Based หรือที่เรียกกว่าครีมกันแดดสูตรน้ำ ที่เนื้อบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ ส่วนคน “ผิวแห้ง” ควรเลือกครีมกันแดดที่มีความหนึบขึ้นมาได้เล็กน้อย หรือครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของรองพื้นได้ เพราะจะทำให้เมื่อทาครีมกันแดดประเภทนี้แล้วผิวจะดูดซึมเนื้อครีมกันแดด โดยที่ไม่ทำให้ผิวหน้ามันเยิ้ม ส่วนผู้ที่ “ผิวอุดตัน” หรือเป็นสิวง่าย แนะนำให้เลือกครีมกันแดด ที่มีสรรพคุณกันแดดเพียงอย่างเดียว และต้องไม่มีรองพื้น เพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตัน ส่วนคนที่ “ผิวแพ้ง่าย” ก็ควรเลือกครีมกันแดดสูตรอ่อนโยน เช่น ครีมกันแดดสูตรน้ำซึ่งช่วยกันแดดเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญต้องทดสอบก่อนใช้งานทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพ้ครีมกันแดด”

“ที่สำคัญประโยชน์ของการเลือกครีมกันแดด ให้เหมาะกับสภาพผิว เป็นการช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยได้ดีและง่ายที่สุด เพราะแสงแดดนั้น ไม่เพียงทำให้ผิวแห้งกร้าน แต่ยังเป็นที่มาของริ้วรอย หรือปัญหาสิวฝ้าได้ก่อนวัยเช่นกัน ดังนั้นคนรักสุขภาพควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้ต้องทำงานในออฟฟิศ หรืออยู่ในที่ร่ม เพราะรังสียูวีสามารถทำร้ายผิวได้ตลอดเวลา และควรทากันครีมกันแดด ประมาณ 15-20 นาทีก่อนออกแดด และในระหว่างวันก็ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 4-5 ชั่วโมง และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงหากไปทะเลหรือที่มีแดดร้อนจัด ”

กินอาหารกลุ่มต้านอนุมูลอิสระ ตัวช่วยผิวแข็งแรงสู้แดดได้

“กลุ่มอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและทนแสงแดดได้ดีนั้น เช่น สารไลโคปีน ที่อยู่ใน “มะเขือเทศ” นอกจากนี้เมนูอาหารเช้าเพื่อสุขภาพอย่าง “อาซาอิโบลว์” หรือผลไม้ที่นำมาแช่แข็ง เช่น กล้วยหอม,สตรอว์เบอร์รี่,อาซาอิ (ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อยู่ในตระกูลปาล์ม ที่เป็นลูกครึ่งผสมระหว่างองุ่น และบลูเบอร์รี่) ถั่วพีนัท,นมถั่วเหลืองจืดโดยนำมาปั่นรวมกัน และแต่งหน้าด้วยผลไม้สด เช่น บลูเบอร์รี่,สตรอว์เบอร์รี่ ก็เป็นอาหารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหน้าของเราทนแดดได้ดีเช่นกัน หรือแม้แต่ “ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่” ต่างๆ ก็อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง หรือแม้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่สกัดจากผลอะเซโรลาเซอร์รี่ (ผลไม้ผิวบางที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ซึ่งเป็นผลไม้เมืองร้อน ที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง) หรือ อาหารเสริมที่สกัดจากเฟิร์นของต่างประเทศ ที่มีการวิจัยว่าเมื่อรับประทานแล้วจะช่วยให้ผิวทนต่อแสงแดดได้เป็นอย่างดี”

ดื่มน้ำบ่อยๆช่วยแรงกายแข็งแรง ผิวพรรณไม่เหี่ยวย่น

“นอกการกินอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อรับมือกับรังสียูวีจากภายในแล้ว การป้องกันแสงแดดจากภายนอก ด้วยการหลบแดดหรือเลี่ยง ให้ใบหน้าสัมผัสแสงแดดได้น้อยที่สุดก็สำคัญ เช่น หากต้องการถ่ายรูปช่วงหน้าร้อน ก็แนะนำให้รีบหลบเข้ามาในร่มให้เร็วที่สุด อย่าอยู่กลางแดดจ้าเป็นเวลานานๆ ที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำบ่อยๆ เพราะหน้าร้อนน้ำในร่างกายจะระเหยได้ง่าย และขับออกมาเป็นเหงื่อ เพราะหากร่างกายขาดน้ำ ก็จะทำให้ผิวมีริ้วรอยได้ง่าย เนื่องจากผิวสูญเสียน้ำ ดังนั้นการทำร่างกายให้แข็งแรงด้วยการดื่มน้ำ ก็เท่ากับเป็นการดูแลผิวพรรณไปด้วยในตัว ทั้งนี้ในคนปกติควรดื่มน้ำวันละประมาณ 2.5 ลิตร แต่ถ้าคนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ อาจเพิ่มเป็นวันละ 2.5-3 ลิตร และผู้ที่ต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดด หรือต้องขยับตัวหรือเดินบ่อยๆก็ควรดื่มน้ำวันละ 3 ลิตร”

“แต่ทั้งนี้ไม่ควรดื่มน้ำเกินวันละ 5 ลิตร เพราะจะทำให้เกลือแร่ในเลือดผิดปกติ อาจทำให้กล้ามเนื้อเกร็งและเป็นตะคริว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาเหมาะสมและทันถ่วงที อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการชักเกร็ง และเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ทั้งนี้หากเราดื่มน้ำในระดับที่ปกติ เวลาปัสสาวะจะมีลักษณะใส แต่ถ้าดื่มน้ำมากเกินไป ก็จะทำให้ปัสสาวะบ่อย และมีลักษณะคล้ายผู้ที่ป่วยโรคเบาหวาน ที่เรียกกันว่าเบาจืดนั่นเอง ดังนั้นการดื่มน้ำให้เหมาะสม จึงเป็นที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และดูแลผิวพรรณไปด้วยค่ะ”

Related Posts

Send this to a friend