แพทย์จุฬาฯ เผยผลวิจัยชาสมุนไพรไทยตำรับ “วังน้ำเย็น” เพิ่มน้ำนมในคุณแม่หลังคลอด
รองศาสตราจารย์ ดร.นพ.กฤษณ์ พงศ์พิรุฬห์ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทย เผยผลวิจัยชาสมุนไพรตำรับ “วังน้ำเย็น” ช่วยกระตุ้นน้ำนมในคุณแม่หลังคลอด โดยเฉพาะคุณแม่ผ่าคลอด แก้ปัญหาน้ำนมน้อย เห็นผลเทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน เล็งต่อยอดในเชิงพาณิชย์และส่งออก
ปัจจุบันคุณแม่ยุคใหม่มีความตั้งใจเลี้ยงลูก ด้วยนมแม่มากขึ้น เพราะนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของลูก อาทิ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินที่ร่างกายลูกต้องการ และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกด้วย กระทรวงสาธารณสุขของไทยเองก็มีโครงการรณรงค์และสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ที่สนับสนุนให้ลูกกินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน และควรกินต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ควบคู่กับอาหารตามวัยที่เหมาะสม
รองศาสตราจารย์ ดร.นพ.กฤษณ์ กล่าวว่า “ที่มาของโครงการวิจัยชาสมุนไพรไทย ตำรับ “วังน้ำเย็น” หนึ่งในโครงการวิจัยภายใต้ข้อตกลง ระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อพัฒนางานวิจัยสมุนไพรไทยให้เป็นระบบ และสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ได้จริง”
“ทั้งนี้แม้จะอยากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ปัญหาของคุณแม่ยุคใหม่ก็คือน้ำนมน้อย หรือน้ำนมไม่ไหล ซึ่งปัญหานี้มักเกิดกับคุณแม่ผ่าคลอด มากกว่าคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติ โดยมีเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ลูกได้ดูดนมแม่ช้าเพราะแม่หรือลูกป่วย ทำให้ต้องแยกกันก่อนในระยะแรก หรือลูกดูดนมไม่ถูกวิธี หรือดูดไม่บ่อยซึ่งส่งผลทำให้แม่มีน้ำนมน้อย ในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน หมอสูตินรีเวชส่วนใหญ่จะให้ยาดอมเพอริโดน เพื่อกระตุ้นน้ำนม ซึ่งปกติแล้วยาตัวนี้ใช้เป็นยาแก้อาเจียน และมีผลวิจัยในต่างประเทศแล้วว่า สามารถใช้แบบนอกข้อบ่งใช้ (off-label) เพื่อกระตุ้นน้ำนมได้ แต่ยาตัวนี้บางประเทศอย่างประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อนุญาตให้ใช้ ไม่ว่าจะใช้แก้อาเจียน หรือกระตุ้นน้ำนม เพราะว่ามีผลข้างเคียงเรื่องการทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ”
สำหรับชาสมุนไพรตำรับ “วังน้ำเย็น” มาจากการค้นคว้าของเภสัชกรพินิต ชินสร้อย ซึ่งได้รวบรวมหลักการใช้สมุนไพรตำราแพทย์แผนไทยตั้ งแต่สมัยโบราณ และเทียบความปลอดภัยกับการแพทย์แผนปัจจุบัน แล้วคัดสรรออกมาเป็นตำรับสมุนไพร 5 ตัว ประกอบด้วย มะตูม ฝาง ขิง ชะเอมเทศ เถาวัลย์เปรียง โดยตั้งชื่อชาตำรับนี้ว่า “วังน้ำเย็น” เพื่อเป็นเกียรติแก่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ที่เภสัชกรพินิตประจำอยู่ ณ ขณะนั้น
สำหรับสมุนไพรตำรับนี้มุ่งดูแลคุณแม่หลังคลอด ซึ่งตามหลักแพทย์แผนไทยแล้ว คุณแม่หลังคลอดมักจะมีอาการอ่อนเพลีย เสียเลือดมาก ปวดกล้ามเนื้อ น้ำนมน้อย และวิงเวียน แพทย์แผนไทยจึงมักเลือกใช้สมุนไพรทั้ง 5 ตัวนี้ ที่มีรสยา และสรรพคุณในการรักษาตามอาการหลังคลอด ดังนี้ 1.ขิง ชะเอมเทศ มะตูม ที่มีรสหวาน เผ็ด ร้อน แก้อ่อนเพลีย 2.ฝาง มีรสจืดเย็น แก้อาการเสียเลือดมาก 3.เถาวัลย์เปรียง มีรสมัน แก้อาการปวดกล้ามเนื้อ 4.ขิง มะตูม รสหวานเผ็ดร้อน แก้อาการน้ำนมน้อย 5.ขิง มีรสเผ็ดร้อน แก้วิงเวียน
“เภสัชกรพินิต ได้นำสมุนไพรทั้ง 5 ชนิดนี้มาทำเป็นชา แล้วชงให้คุณแม่หลังคลอด ในโรงพยาบาลวังน้ำเย็นทาน ซึ่งจากการเก็บข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ชาสมุนไพรตำรับนี้สามารถเพิ่มปริมาณน้ำนมได้ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน และเมื่อดูสรรพคุณของสมุนไพรตำรับนี้แล้ว เราจะเห็นว่าสมุนไพรต่างๆ ไม่ได้ช่วยกระตุ้นน้ำนมเท่านั้น แต่ยังช่วยบรรเทาและรักษาอาการอื่นๆ ของคุณแม่หลังคลอดได้อีกด้วย”
“จากการรวบรวมตำรับสมุนไพร ของเภสัชกรพินิต ทีมวิจัยจากจุฬาฯ และกรมการแพทย์แผนไทย ได้พัฒนาต่อเป็นงานวิจัยเชิงทดลอง เพื่อทดสอบและเทียบประสิทธิภาพ การเพิ่มหรือกระตุ้นน้ำนมแม่หลังคลอด ระหว่างชาสมุนไพรไทยตำรับ “วังน้ำเย็น” และยาแพทย์แผนปัจจุบัน โดยมีผู้เข้าร่วมการวิจัยเป็นคุณแม่ผ่าคลอด และพักฟื้นหลังคลอด ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน ปี 2560 จำนวน 120 คน ภายใต้การดูแลของนายแพทย์กุลชาติ แซ่จึง สูตินรีแพทย์ฝึกที่โรงพยาบาลในเวลานั้น”
“ผู้เข้าร่วมการวิจัยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 40 คน กลุ่มที่ 1.เป็นคุณแม่หลังคลอดที่ได้รับน้ำชาจริงและยาเม็ดหลอก กลุ่มที่ 2.คุณแม่หลังคลอดที่ได้รับน้ำชาหลอก (ไม่มีสมุนไพร) และยาเม็ดจริง และกลุ่มที่ 3.คุณแม่หลังคลอดที่ได้รับน้ำชาหลอก และยาเม็ดหลอก ทั้งนี้คุณแม่ที่ร่วมโครงการวิจัย จะไม่ทราบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มไหน สำหรับการวัดผลการวิจัยก็จะวัดจากปริมาณน้ำนม ที่ปั๊มออกมาเป็นหน่วยซีซี หรือ ml จากการเก็บน้ำนม 3 ช่วงเวลา ได้แก่ หลังผ่าคลอด 24 ชั่วโมง 48 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมง ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าน้ำชาสมุนไพรสามารถกระตุ้นน้ำนมได้ทั้ง 3 ช่วงเวลา คุณแม่ที่ได้รับชาสมุนไพร มีปริมาณน้ำนมเยอะกว่ากลุ่มอื่น ตั้งแต่หลังผ่าคลอด 24 ชั่วโมง และมีปริมาณน้ำนมพอๆกัน กับคุณแม่ที่ได้รับยาแผนปัจจุบันหลังผ่าคลอด 48 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมง และดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทานทั้งน้ำชา และยาแผนปัจจุบัน และผลการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ต้นปี 2565”
“จากผลการวิจัยที่ชี้ชัดถึงประสิทธิภาพ ของสมุนไพรไทยในการกระตุ้นน้ำนมคุณแม่หลังคลอด ที่ไม่แพ้ยาแผนปัจจุบัน ทีมวิจัยกำลังวางแผน จะต่อยอดชาสมุนไพรตำรับนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “วังน้ำเย็น” เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก หากเราต้องการให้สมุนไพรไทยไปต่อได้ เราไม่ควรหยุดอยู่แค่งานวิจัยพิสูจน์สารทดสอบฤทธิ์ของสมุนไพร แต่ควรมีการศึกษาทดสอบวิจัยต่อในมนุษย์เพื่อยืนยันว่าสมุนไพรไทย มีประสิทธิภาพและใช้ได้จริง ซึ่งงานนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย หลายศาสตร์ ทั้งเภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และแพทย์ศาสตร์ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ ตลาดสมุนไพรไทยถึงจะเติบโตและเข้าถึงตลาดโลกได้”
“ทีมวิจัยไม่ได้ปกปิดสูตรว่าชาตำรับนี้ มีสมุนไพรตัวใดบ้าง เพราะจริงๆแล้ว เราอยากให้คนไทยรู้จักของดีในประเทศ สมุนไพรเหล่านี้ เราปลูกและทำทานเองได้ในครัวเรือน สำหรับบริษัทใดสนใจสมุนไพรตำรับชาวังน้ำเย็น สามารถติดต่อได้ที่ รศ.ดร.นพ.กฤษณ์ พงศ์พิรุฬห์ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีเมล Krit.Po@chula.ac.th”