POLITICS

‘วิโรจน์-เฮียเล้า’ ยื่นศาลปกครองระงับคำสั่ง กกต. ตัดสิทธิสมัคร ส.ก.พญาไท

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เบอร์1 พร้อมด้วย นายพีรพล กนกวลัย หรือ เฮียเล้า ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตพญาไท เบอร์ 7 พรรคก้าวไกล เดินทางมายังศาลปกครอง ถนนเเจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี เพื่อขอให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับเเละกำหนดเงื่อนไขให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพวก ประกาศรายชื่อให้ พีรพล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตพญาไท

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ พีรพล ถูก กกต. ตัดสิทธิการเป็นผู้สมัคร ส.ก.โดยให้เหตุผลว่ายังคงเป็นเจ้าของสื่อนั้น พีรพล ได้ยื่นหลักฐานต่อ กกต. เพื่อชี้เเจงว่า ความเป็นเจ้าของสื่อได้สิ้นสุดลงนานแล้วตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 45 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น กฎหมายดังกล่าว กำหนดว่า หากผู้จดแจ้งการพิมพ์ ไม่ได้ตีพิมพ์วารสารเกิน 2 ปี หรือไม่ได้มีการตีพิมพ์เกิน 4 เล่ม ติดต่อกัน ให้สิ้นสภาพการเป็นผู้จดแจ้งการพิมพ์ตามกฎหมายนี้ ซึ่ง นายพีรพล ได้ยุติการตีพิมพ์วารสาร ท่องธรรมชาติ ตั้งแต่ฉบับเดือนมีนาคม 2538 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จึงส่งผลให้สถานะการเป็นผู้จดแจ้งการพิมพ์สิ้นสุดลงตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ 2484 ตั้งแต่ปี 2540 โดยไม่ต้องไปแจ้งถอนรายชื่อ การไม่รับรองสิทธิของ กกต. เช่นนี้ ถือว่าส่งผลโดยตรงต่อ นายพีรพล อย่างร้ายเเรง และคำสั่งของ กกต.ถือเป็นคำสั่งที่อยู่ในอำนาจวินิจฉัยของศาลปกครองแน่นอน

“ความเป็นเจ้าของกิจการสิ้นสุดลงสมบูรณ์แล้วตามกฎหมาย โดยไม่ต้องไปแจ้งจดแจ้งการพิมพ์ใหม่เพื่อยกเลิกกิจการ แต่ กกต.กลับอ้าง พ.ร.บ.จดเเจ้งการพิมพ์ 2550 ที่ระบุว่า คนที่ทำอยู่เดิมไม่ต้องไปจดใหม่
แต่ไม่ใช่คนที่สิ้นสภาพไปแล้วกลับมาเป็นเจ้าของกิจการได้ การปรากฎชื่อ พีรพล อยู่ถือเป็นความบกพร่องของทางราชการเอง เพราะหนังสือที่ พีรพล เคยเป็นเจ้าของกิจการ เล่มสุดท้ายพิมพ์เมื่อปี 2538 สิ้นสุดความเป็นเจ้าของกิจการในปี 2540 จึงไม่เข้าใจว่าปรากฎชื่อตามกฎหมายใหม่ได้อย่างไร เราได้เอาเอกสารยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อ กกต.แล้ว เเต่ กกต.ยังไม่เพิกถอน จึงมายื่นต่อศาลปกครองให้พิจารณาในวันนี้”

ด้าน นายพีรพล ระบุว่า กกต.มีคำวินิจฉัยยกคำคัดค้านของตน โดยอ้างบทเฉพาะกาล มาตรา 28 และมาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ 2550 ที่ระบุให้ การจดแจ้งการพิมพ์ตาม พ.ร.บ. การพิมพ์ 2484 เป็นการจดแจ้งการพิมพ์ตาม พ.ร.บ.ฉบับปี 2550 นี้ด้วย กกต. จึงตีความว่า วารสารท่องธรรมชาติได้ถูกชุบชีวิตอีกครั้งโดยผลของบทเฉพาะกาลนี้

“กกต.ใช้กระดาษเพียงเเผ่นเดียวที่ผมมีชื่อเป็นเจ้าของหัวหนังสือ เพื่อนำมาตัดสิทธิการสมัครเป็น ส.ก.เขตพญาไท โดยไม่ตรวจสอบ ตั้งแต่ปี 2538 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกินกว่า 2 ปีแน่นอน ที่ผมไม่ได้มีส่วนข้องหรือเป็นเจ้าของกิจการแล้วตามกฎหมาย การกระทำดังกล่าว เป็นการประพฤติมิชอบด้วยกฎหมายของ กกต. ผมได้ไปแจ้งความเอาผิดที่ สน.สำราญราษฎร์ เเละ สน.ทุ่งสองห้อง ตามมาตรา 157 ว่าด้วยการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก กกต.ตัดสิทธิโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ ส่งผลให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง”

Related Posts

Send this to a friend