‘หมอเหวง’ พร้อมญาติผู้เสียชีวิตปี 53 ร้องขอรื้อคดีสลายการชุมนุม

‘หมอเหวง’ พร้อมญาติผู้เสียชีวิตปี 53 ร้องขอรื้อคดีสลายการชุมนุม ‘ชัยธวัช’ ยันเดินหน้าทวงความยุติธรรมเต็มที่ ดันตั้ง คกก.สอบข้อเท็จจริง แก้ กม.เปิดช่อง จนท.รัฐทำผิดร้ายแรง

วันนี้ (29 ก.พ.67) นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ และคณะประชาชนทวงคืนความยุติธรรม 2553 (คปช.53) พร้อมญาติผู้สูญเสีย เข้ายื่นหนังสือถึง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดง และทวงคืนสัญญารื้อฟื้นคดีที่ถูกแช่แข็งตั้งแต่ปี 255 โดยมีข้อเสนอ ดังนี้

1.ตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน ประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายรัฐบาลที่มีอำนาจสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ตัวแทนพรรคการเมืองฝ่าย, ตัวแทนตัวแทนผู้สูญเสีย นักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน นักกฎหมาย เพื่อตรวจสอบคดีความกรณีปี 2553 ที่ถูกแช่แข็ง ไม่ปฏิบัติตามกฏหมายหรือตามหลักนิติรัฐนิติธรรม รวมทั้งคดีความที่ถูกปฏิบัติต่อเยาวชน ประชาชนปี 2563 ให้เป็นไปตามกฏหมายที่ได้ลงนามหลักสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงเร่งรัดคดีความที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชนและยังค้างคาอยู่ที่หน่วยงานต่าง ๆ

2.แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พระธรรมนูญศาลทหาร, พระธรรมนูญศาลยุติธรรม, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีที่ทหารและนักการเมืองทำความผิดทางอาญาต่อประชาชนให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ทหารขึ้นศาลทหาร นักการเมืองขึ้นศาลนักการเมือง เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

3.ขอให้ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีเหตุการณ์ 2553 ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์แต่ประการใด

4.ดำเนินการเพื่อแก้ไขให้ได้รัฐธรรมนูญของประชาชนให้ได้ระบอบประชาธิปไตยแท้จริง

5.แก้ไขกฎหมายอื่นอันเป็นผลพวงการทำรัฐประหาร รวมทั้งพระราชบัญญัติองค์กรรัฐซ้อนรัฐ กอ.รมน. กฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ที่กลายเป็นเครื่องมือจัดการผู้เห็นต่างทางการเมือง

6.ดำเนินการเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ และองค์กรอิสระอย่างจริงจัง

7.กระจายอำนาจบริหารจากส่วนกลางไปยังภูมิภาคเพื่อแก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ เจ้าขุน มูลนาย และการคอร์รัปชั่นส่งนายใหญ่ตามลำดับให้ผู้บริหารผ่านการเลือกตั้งของประชาชนและถูกตลวจสอบได้ง่าย

8.ให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด หรือมาจากประชาชนโดยอ้อม ผ่านการคัดสรรตามโควตาสส. ในรัฐสภาของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งทั่วไป

นพ.เหวง กล่าวต่อว่าเมื่อวันที่ 27 ก.พ.67 ได้ยื่นหนังสือฉบับดังกล่าวที่พรรคเพื่อไทย โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้รับหนังสือ แต่ผ่านมา 48 ชั่วโมงแล้วแต่ยังไม่เห็นความคืบหน้า จึงมายื่นต่อผู้นำฝ่ายค้านให้ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง ส่วนท่าทีต่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เราสนับสนุนการนิรโทษกรรมคดีความของผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการเรียกร้องทวงความยุติธรรมของประชาชน เพื่อการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยข้อเรียกร้องของเราต่อกรณีการปราบปรามประชาชนในปี 2553 เป็นข้อเรียกร้องที่รัฐดำเนินการตามกฎหมายของประเทศและระหว่างประเทศที่ได้ลงนามไปแล้ว เพื่อที่อนาคตจะได้ไม่มีการฆ่าประชาชนมือเปล่ากลางถนนอีก

นายชัยธวัช เปิดเผยว่าหลายคนกำลังทวงคืนความยุติธรรมมานานกว่าทศวรรษ ที่ผ่านมาเราพยายามเต็มที่ ประสานงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นระยะ เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีในสารบบ ทั้งคดีที่ยื่นสั่งฟ้องแล้วถูกตีตก รวมทั้งคดี 62 ศพที่ยังไม่ไต่สวนการเสียชีวิต เราจะผลักดันให้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ต้องมีอำนาจทางกฎหมาย

ตนเองอยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งมีการพูดคุยเรื่องการค้นหาความจริงที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรง เช่น การสลายการชุมนุมในปี 2553 ทั้งนี้มีบางประเด็นที่ กมธ.สามารถทำได้ แต่อาจมีข้อจำกัดโดยเฉพาะการเรียกพยานหลักฐานและบุคคล ดังนั้นจึงต้องหารือ ร่วมกับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และ คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนด้วย

ขณะนี้พรรคก้าวไกลได้พิจารณากฎหมาย ทั้งการทบทวนแก้ไขกฎหมายความมั่นคงที่เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงโดยไม่ต้องรับผิด รวมถึงกฎหมายอำนวยความยุติธรรมสลายการชุมนุมปี 2553 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการการทหาร อยู่ระหว่างศึกษาทำร่างกฏหมาย โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านทหาร มาศึกษาแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ทหารระดับล่าง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในข้อหาทั่วไปขึ้นศาลยุติธรรมเหมือนประชาชนทั่วไป ดำเนินคดีอย่างเท่าเทียมกัน