POLITICS

เพื่อไทย จับตา 30 ก.ย. นี้คนจนจะหมดประเทศหรือไม่

ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย จับตา 30 ก.ย. นี้คนจนจะหมดประเทศหรือไม่ ชี้ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินช้า ทำให้ภาพลักษณ์ติดลบต่ออารยประเทศ

วันนี้ (27 ก.ย. 65) คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นำโดย พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย และ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขาธิการ และกรรมการคณะยุทธศาสตร์และการเมือง ร่วมกันแถลงข่าวในหัวข้อ ‘เศรษฐกิจโลกจะถดถอย ไทยจะรับมือไหวไหม’

นายพิชัย กล่าวว่ากรณี โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่เข้าร่วมประชุมเอเปคในกรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นการเสียหน้าอย่างมาก การจัดงานดังกล่าวหากไม่ได้ผลตามที่คาดก็จะเสียค่าใช้จ่ายฟรี

สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกตอนนี้สหรัฐอเมริกาได้ขึ้นดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ซึ่งค่อนข้างสูงและต่างจากของไทยมาก กระทั่งสิ้นปีอาจขึ้นสูงถึง 4.25-4.5% เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อลดลง ซึ่งอาจกระทบให้สหรัฐอเมริกาเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ และจะลุกลามไปสู่ยุโรปในที่สุด ส่วนผลกระทบของไทยคือค่าเงินบาทอ่อน และที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สั่งการให้ตรึงค่าเงินบาทที่ไม่เกิน 35บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ตนมองว่าเป็นเรื่องตลก เพราะการตรึงค่าเงินบาทขึ้นอยู่กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้ขึ้นกับรัฐบาล และรัฐบาลไม่สามารถสั่ง ธปท. ได้

ปัจจัยหลักของเงินเฟ้อ มาจากส่วนต่างของดอกเบี้ยระหว่างไทยกับสหรัฐต่างกัน 2.5% และอาจนำมาสู่ปัญหาเงินไหลออกกว่าล้านล้านบาท อยากให้ ธปท. ออกมาชี้แจงสถานการณ์อย่างชัดเจนตรงไปตรงมา ดีกว่ามาแถลงแก้ตัว อีกปัจจัยคือดุลการค้าของไทยที่ขาดทุนอย่างมาก และมีทิศทางจะขาดดุลเพิ่มเนื่องจากมีการนำเข้าแก๊สและน้ำมันอยู่มาก

ส่วนกรณีที่คนในรัฐบาลพูดว่า หากในวันที่ 30 ก.ย.นี้ มีการเคลื่อนไหวมากไป ระวังจะไม่ได้เลือกตั้งนั้น นายพิชัยมองว่า เป็นคำพูดที่ไม่รับผิดชอบ ก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดี ต่างประเทศก็มองว่าขนาดคนในรัฐบาลในประเทศที่อ้างตัวว่าเป็นประชาธิปไตยยังทำลักษณะอย่างนี้หรือ ยังกล้าพูดถึงการรัฐประหาร และการห้ามเลือกตั้งเป็นปกติหรือ ถือเป็นคำพูดที่ไม่รับผิดชอบและสร้างปัญหา ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้เราเสื่อม

นายศรัณย์ กล่าวว่า ในตอนนี้หลายประเทศมีความชัดเจนว่าต้องการจะส่งเสริมธุรกิจในประเทศให้เข้มแข็ง ซึ่งเราไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ในรัฐบาลไทย ในภาวะที่ทั้งโลกกำลังตื่นตัวกับเศรษฐกิจถดถอย รัฐบาลไทยกลับไม่ได้สนใจสร้างแผนรองรับ รัฐบาลมักพูดเสมอว่าเรามีเงินสำรองเยอะ แต่หากขาดแผนการที่ชัดเจน สหรัฐอเมริกาเพิ่มดอกเบี้ยขึ้นเรื่อยๆ เงินสำรองก็จะเป็นเพียงเงินไปจ่ายหนี้ ทั้งที่สามารถสร้างประโยชน์ต่อประเทศได้มากกว่านี้

สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่ตอกย้ำว่า ประเทศไทยกำลังจะเผชิญกับภาวะที่ทั่วโลกเกิดเศรษฐกิจถดถอย หลายประเทศมีปัญหาด้านการเงิน จนทำให้ประเทศล้มละลาย ประเทศที่มีทิศทางและนโยบายที่ชัดเจนในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจกำลังเร่งดำเนินการเพื่อลดผลกระทบ หลังจากนี้จะเกิดการแข่งขันระหว่างประเทศในการดึงเม็ดเงินและการลงทุน เข้าสู่ประเทศของตนเพื่อรักษาระบบเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทยนั้นนอกจากจะไม่มีทิศทางที่ชัดเจนในการรับมือปัญหา รัฐบาลยังมีความเข้าใจผิดๆ และระบบการทำงานที่ไร้ทิศทาง จนไม่สามารถทั้งรับมือกับผลกระทบและไม่สามารถส่งเสริมประชาชนในประเทศได้

นายจักรพล กล่าวว่า เวลานี้ทุกประเทศทั่วโลกและประชาชนไทยพร้อมรับฤดูกาลท่องเที่ยวในไตรมาส 4 ของปีแล้วถือเป็นช่วงเวลาจุดติดเครื่องยนต์ในด้านเศรษฐกิจ ตนก็ยินดีที่ การท่องเที่ยวให้ประเทศไทย (ททท.) ได้พยายามเปิดแคมเปญ และมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อเตรียมพร้อมเปิดประเทศเต็มที่ แต่ก็ล้วนเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้เน้นย้ำมาแล้ว ขณะที่รายละเอียดของนโยบายก็ยังไม่ชัดเจน ไม่เป็นรูปธรรมเท่าที่ควร ทำให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวยังคงตกต่ำ

นายจักรพล ชี้ให้เห็นจุดอ่อน 5 ข้อ ของรัฐบาล ซึ่งเป็นเหตุให้เป้าหมายทางเศรษฐกิจท่องเที่ยวไม่สำเร็จ ได้แก่

1) มีเป้าหมายต่ำเกินไป ส่งผลต่อรายได้ของภาคธุรกิจแรงงาน

2) การฟื้นตัวที่ล่าช้าเกินเหตุเพราะไม่ฟังเสียงเดือดร้อนของประชาชน เห็นได้จากการเพิ่งจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทั้งที่หลายประเทศเปิดประเทศเต็มที่กันไปแล้ว

3) การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวแบบเฉพาะหน้า ไม่ยั่งยืน

4) ระบบการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กระท่อนกระแท่น ทั้งจากในและนอกประเทศ มีขั้นตอนยุ่งยากยาวนาน เพิ่มภาระให้นักท่องเที่ยว ไม่ยืดหยุ่น ผลักมิตรไปเป็นศัตรู

5) นโยบายทางการเงินที่ไม่ทั่วถึง คนในระบบเข้าไม่ถึงแหล่งการเงิน เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากขาดแรงสนับสนุน

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ในวันที่ 30 ก.ย. นี้มีเรื่องให้ลุ้นหลายเรื่อง ทั้งเรื่องหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ไม่รู้ว่าจะหลุดจากตำแหน่งหรือไม่ รวมไปถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยประกาศว่า ใน 30 ก.ย. นี้ คนจนจะหมดไปจากประเทศ และนำมาอ้างบ่อยครั้งว่าเป็นผลงานของรัฐบาล นี่เหลืออีกไม่กี่วัน แต่ดูแล้วคนจนจะยังไม่หมดไป แต่ดูท่าว่าจะจนกันทั้งประเทศ เพราะรัฐบาลไร้มาตรการที่ดี

“การจัดประชุมเอเปค โจ ไบเดน ได้ไปประชุม G20 ที่ประเทศบาหลี มีเวลามาที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 18-19 พ.ย. อย่างสบาย แต่ก็ไม่มา ขอถามรัฐบาลว่าได้พิจารณาตนเองหรือไม่ว่ามีบทบาทอย่างไรในสายตาของประเทศชั้นนำ เอาแค่เรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่หลบหลังโควิด-19 มา 2 ปี 6 เดือน ไม่รู้ว่าหากไม่มีเอเปคจะได้ยกเลิกหรือไม่ สะท้อนความคิดแบบราชการ จะเลิกอะไรต้องรอ 30 ก.ย. จะเริ่มอะไรใหม่ต้องรอ 1 ต.ค.” นายอนุสรณ์ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend