POLITICS

ธนาธร-สุทิน-ศิธา ระบุ ไทยต้องใช้ยาแรง ตัดงบไม่จำเป็น

วันนี้ (25 มิ.ย.65) เครือข่าย We Fair และแนวร่วมรัฐสวัสดิการ จัดอภิปราย “8 ปี สวัสดิการสังคมไทยภายใต้ระบอบ ประยุทธ์ กับ อนาคตรัฐสวัสดิการ อนาคตประชาธิปไตยไทย” โดยมีเครือข่ายภาคประชาชน และนักการเมืองเข้าร่วม อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี ตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการเครือข่าย We Fair

ในวงอภิปราย ได้เสนอให้มีสวัสดิการประชาชนอย่างเท่าเทียม เช่น บำนาญประชาชน 3,000 บาท แทนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ บัตรทอง For All เรียนฟรีตั้งแต่เด็กจนโต เบี้ยคนพิการ 3,000 ถ้วนหน้า ประกันสังคมถ้วนหน้า เงินอุดหนุนเด็ก 0-6 ปีถ้วนหน้า สิทธิลาคลอดเพื่อเลี้ยงลูก 180 วัน กำหนดค่าแรงขั้นต่ำเท่ากันทั้งประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อผลักดันรัฐสวัสดิการให้เกิดขึ้นจริง

นายสุทิน กล่าวว่า ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น มีเศรษฐีบางคนรวยขึ้นมา 200 เท่า แต่ชาวบ้านไม่มีที่ดินทำกินแม้แต่ตารางวาเดียว ถือว่าพลเอกประยุทธ์เป็น “บิดาแห่งความเหลื่อมล้ำ” ไทยต้อง เป็นรัฐสวัสดิการ เพราะอนาคตประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมผู้สูงอายุ พร้อมยกตัวอย่างงบประมาณสวัสดิการทั่วโลกว่า มีสัดส่วน 21% ของจีดีพี ขณะที่ไทย ประเทศรายได้ปานกลาง มีสัดส่วนงบประมาณด้านสวัสดิการอยู่ที่ 9% ของจีดีพี

พรรคเพื่อไทย จะเสนอให้เงินอุดหนุน 600 บาทถ้วนหน้า ให้ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาท เรียนฟรีชั้นอนุบาล-มัธยมต้น วัยทำงานจัดให้มีประกันสังคมถ้วนหน้า เบี้ยผู้สูงอายุ 600-900 ต่อเดือน ผู้พิการ 1,000 บาทต่อเดือน บัตรคนจน 200-300 บาทต่อคน บัตรทองถ้วนหน้า และการศึกษาเรียนฟรี

นายธนาธร กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำในไทยค่อนข้างสาหัส ฉุดรั้งความก้าวหน้าของประเทศ ทำให้ประชาชนขาดกำลังใจ คนไทยกว่าครึ่งประเทศมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 6,000 บาท ส่วนเงินเดือน 30,000 ขึ้นไปมีเพียง 1% และมีคนไทยรวยติดอันดับโลกเพียง 28 คน แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน ปัจจุบันไทยเข้าสู่ประเทศประชาคมผู้สูงอายุ โดยคนทำงาน 1 คน ต้องดูแลผผู้สูงวัย และเด็ก 57 คน อีก 20 ปีข้างหน้า จะต้องดูแลผู้สูงวัย 83 คน ดังนั้นต้องเร่งลดภาระสังคม ด้วยการจัดรัฐสวัสดิการ

“นักการเมืองมีกึ๋น แต่ไม่มีอำนาจ พลเอกประยุทธ์ไม่เคยแยแสประชาชน เพราะมาจากซื้อนักการเมือง และองค์กรอิสระ เพื่อให้อยู่ในตำแหน่ง”

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ขอให้ร่วมเดินทางต่อไปอีก 10 เดือนข้างหน้าจะมีการเลือกตั้ง รัฐสวัสดิการจะเกิดขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของภาคประชาชนในการกดดันนักการเมือง

นาวาอากาศตรีศิธา เห็นด้วยกับนายธนาธร และนายสุทินว่า ประชากร 99% แพ้คนรวย 1% ของประเทศ เพราะมีนักการเมืองที่ทุจริตเชิงนโยบาย การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา เพราะสุดท้ายต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น เป็นหนี้สูงขึ้น ดังนั้นการเลือกพรรคการเมืองถือว่ามีความสำคัญ หากเลือกพรรคการเมืองที่มาจากกลุ่มทุน พรรคการเมืองนั้นจะตอบแทนกลุ่มทุนแทนที่จะดูแลประชาชน ประเทศไทยต้องใช้ยาแรง เพื่อให้เกิดรัฐสวัสดิการ

Related Posts

Send this to a friend