‘นัจมุดดีน’ โต้ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังกิจกรรมนักศึกษา แถลงการณ์แบ่งแยกดินแดนปาตานี
‘นัจมุดดีน อูมา’ โต้ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังกิจกรรมนักศึกษา แถลงการณ์แบ่งแยกดินแดนปาตานี ชี้ เป็นเพียงการจำลองการทำประชามติเท่านั้น ไม่มีเจตนาละเมิดต่อกฎหมาย
นายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จ.นราธิวาส เปิดเผยถึงกรณีที่ลูกชายของตนเองเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีกลุ่มนักศึกษาแห่งชาติ ประกาศแบ่งแยกดินแดนปาตานี โดยมีคลิปวีดีโอของกลุ่มนักศึกษาที่ถูกแชร์ทางสื่อโซเชียลว่า ตนเองไม่ทราบว่าจะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าว มารู้ภายหลังจาก กอ.รมน.ภาค 4 ออกแถลงการณ์ จึงได้ติดต่อกับหน่วยงานความมั่นคง โดยบอกว่า หากกิจกรรมดังกล่าวหมิ่นเหม่กับกฎหมายส่วนใด เยาวชนที่ร่วมกิจกรรมก็พร้อมไปทำความเข้าใจ
นายนัจมุดดีน กล่าวต่ออีกว่า ทราบจากนายอาเต็บ โซ๊ะโก ว่าเคยมีการจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ภายในสำนักงานของอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี แต่ไม่ได้เป็นประเด็นเหมือนกรณีนี้ ในครั้งนี้มีผู้ร่วมงานไม่ถึง 100 คน แต่เมื่อเป็นข่าวขึ้นมา จะทำการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขอเรียนว่า คณะนักศึกษาไม่มีใครเจตนาที่จะกระทำการละเมิดต่อกฎหมาย หรืออาจเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะกิจกรรมดังกล่าวเป็นเพียงการจำลองการทำประชามติของคณะนักศึกษา
นายนัจมุดดีน ยังกล่าวอีกด้วยว่าวันที่มีการจัดกิจกรรม บริเวณที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานมีกล่องสำหรับลงประชามติ ซึ่งใครที่มาร่วมงานไม่สามารถจะปฏิเสธได้ว่าไม่รู้ไม่เห็น เพราะต้องมีการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม และคณะนักศึกษาแสดงออกอย่างเปิดเผย ผู้ร่วมงานไม่ถึง 100 คน อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมของคณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี
“ผมเองก็อยากชี้แจงกับคนไทยทั่วประเทศว่าอย่าไปตกใจกับสิ่งนี้ แต่ก็เห็นด้วยกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ กับ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่จะแสวงหาข้อเท็จจริง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าคณะนักศึกษาไปกระทำการที่ละเมิดกฎหมายตรงไหน ก็ว่ากล่าวตักเตือน หรือใช้มาตรการสุดแล้วแต่ความเหมาะสม เพราะท่านแม่ทัพเองก็บอกว่า ต้องดำเนินการอย่างรัดกุมและใช้ความรอบคอบกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมันก็ถูกต้องแล้ว ก็ให้ดำเนินการไปตามนั้น” นายนัจมุดดีน กล่าว
นายนัจมุดดีนกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อตนทราบข่าว จึงโทรเรียกลูกชายมาสอบถาม ซึ่งลูกชายก็ยืนยันว่าพวกเขาได้ทำกิจกรรมอย่างเปิดเผย โดยจำลองการทำประชามติเท่านั้น ส่วนที่จะมีข้อความไปขัดแย้งกับข้อกฎหมายนั้น กลุ่มนักศึกษาเองก็ไม่ได้คิดไกลไปขนาดนั้น หากมีหน่วยงานใดเชิญไปให้ข้อมูล ต้องไปให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนักศึกษาเองก็ยินดีที่จะให้ข้อมูล และพร้อมจะชี้แจง ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าตนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยใช้ลูกเป็นเครื่องมือเพื่อดิสเครดิตกลุ่มการเมืองนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
