‘เผ่าภูมิ’ ชี้ ดิจิทัลวอลเล็ต จุดประกายกำลังซื้อไปสู่การลงทุน

‘เผ่าภูมิ’ ฉายภาพ 3 หลักแนวคิดรัฐบาลในการบริหารเศรษฐกิจ ชี้ ดิจิทัลวอลเล็ต จุดประกายกำลังซื้อไปสู่การลงทุน ยกเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดึงเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบให้เติบโตแบบก้าวกระโดด
วันนี้ (13 ก.ย. 67) ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นกล่าวชี้แจงว่า จะไม่ใช้เวลาในการโต้ตอบ แต่จะฉายภาพให้เห็นว่า ทิศทางเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลัง และรัฐบาลมองเห็นจะเดินไปอย่างไร ผ่าน 3 แนวคิด ประกอบด้วย
แนวคิดที่ 1 ซึ่งเป็น DNA ของพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่อดีต คือใช้เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อน และจุดประกายด้วยอุปสงค์ และกำลังซื้อที่แข็งแรง (Demand-sized economy) ซึ่งเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ใน 4.5 แสนล้านของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่าควรจะกระตุ้นอุปสงค์ให้เกิดขึ้นก่อน หรือสร้างตลาดในภาวะที่ยังไม่มีกำลังซื้อ
“ถ้าไม่มีกำลังซื้อ ตลาดเหล่านั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ คำตอบคือไม่เกิด กำลังซื้อต้องเกิดขึ้นก่อนเพื่อเหนี่ยวนำไปสู่การสร้างตลาด การบริโภคจะนำไปสู่การลงทุน นั่นคือปรัชญาที่เราคิด ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ ก่อให้เกิดกำลังซื้อของประเทศขึ้นมาก่อน” นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายเผ่าภูมิ ชี้แจงว่า ในภาวะที่ภาคการผลิตยังไม่ฟื้น รัฐบาลประคองด้วยสินเชื่อด้วยกลไกต่างๆ และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคาร (ซอฟท์โลน) รวมถึงกลไกค้ำประกันสินเชื่อกับเอสเอ็มอี เพื่อให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อ กลไกดังกล่าวเพื่อประคองการผลิต เพื่อรอการบริโภคเข้ามาเชื่อม ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อจุดประกายกำลังซื้อ
แนวคิดที่ 2 การแก้ไขปัญหาหนี้ของรัฐบาล ซึ่งต้องรักษาสมดุลระหว่าง 3 แกน คือหนี้ครัวเรือนหรือหนี้ภาคประชาชน หนี้ภาคธุรกิจ และหนี้ของรัฐหรือหนี้สาธารณะ ต้องไม่มีแกนไหนมากกว่าแกนอื่น ขณะที่ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงในระดับน่าอันตราย เป็นการโยนภาระไปที่ภาคประชาชน หรือแปลว่าภาครัฐยังมาอุ้มหนี้ภาคประชาชนให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำได้ไม่ดีพอ หากประชาชนมีหนี้ต่ำ กำลังซื้อจะเกิดขึ้นง่าย ดังนั้น จึงเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ได้ห่วงว่าหนี้สาธารณะจะสูง ตราบที่สามารถมาช่วยอุ้มหนี้ของภาคประชาชนได้
ส่วนแนวคิดที่ 3 สิ่งที่รัฐบาลเห็น และทำเป็น DNA คือ ใช้เงินใหม่ เป็นเหตุของการที่ผ่านมารัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เดินสายไปต่างประเทศเพื่อชักชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเป็นเงินใหม่ รวมถึงการเสนอเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นการลงทุนใหม่ให้ต่างชาติมาลงทุนในไทย สร้างงานสร้างอาชีพ ตลอดจนการมีกองทุนวายุภักดิ์ ซึ่งดึงเม็ดเงินใหม่ให้เข้ามาในระบบ เป็นเงินนอกงบประมาณทำให้เศรษฐกิจโตก้าวกระโดด
“การบริหารหนี้สามกองของประเทศ ดึงเงินใหม่เข้ามาในประเทศนอกจากงบประมาณ หากอ่านและจับแกนความคิด จะมองเห็นนโยบายรัฐบาลว่าเดินไปสู่จุดไหน” นายเผ่าภูมิ กล่าว