POLITICS

ศาลอาญา สืบพยานล่วงหน้า คดียิง อดีต สส.กัมพูชา

ศาลอาญา สืบพยานล่วงหน้า คดียิง อดีต สส.กัมพูชา ด้านภรรยา เบิกความชัดเห็น ‘จ่าเอ็ม’ ในที่เกิดเหตุ ขณะที่ พี่เขยเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถเมล์

วันนี้ (10 ม.ค. 68) เวลา 13:30 น. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ได้ยื่นคำร้องขอสืบพยานบุคคลก่อนฟ้องในคดีที่ของ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม อดีตทหารเรือ ผู้ต้องหาในคดียิง นายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวกัมพูชา จนเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา

ในคำร้อง ระบุว่า ด้วย สน.ชนะสงคราม ได้มีหนังสือถึงผู้ร้อง เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ขอให้สืบพยานไว้ก่อนฟ้องคดี เนื่องจากพยานเป็นชาวต่างชาติ และจะเดินทางกลับประเทศ โดยปรากฎข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค. เวลากลางวัน นายเอกลักษณ์ ผู้ต้องหาหรือจำเลยได้พาอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาดติดตัวไปยังบริเวณวงเวียนถนนสิบสามห้าง แขวงบวรเดช เขตพระนคร กรุงเทพฯ อันเป็นบริเวณในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร จากนั้นผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ โดยเจตนาฆ่า นาย ลิม กิม ยา (Lim Kim Ya) สัญชาติ กัมพูชา ผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

และได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าว ซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ได้ตระเตรียมมายิงไปยังบริเวณกลางลำตัวตัวด้านหลังของผู้เสียหายจำนวน 3 นัด และกระสุนปืนถูกบริเวณหน้าอกข้างซ้ายของผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส และถึงแก่ความตาย ในบริเวณที่เกิดเหตุสมดังเจตนาฆ่าของจำเลย อันเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 89(4),371, 376 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ เหตุเกิดที่ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ

พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนคดีนี้แล้ว แต่เนื่องจาก พยานทั้ง 2 ปาก เชื้อชาติ กัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส และมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เเละมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองเป็นประจักษ์พยานสำคัญในคดี มีความจำเป็น ที่จะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ 11 ม.ค.2568 ซึ่งจะเป็นการยากแก่การนำพยานทั้งสองปากนี้มา เบิกความต่อศาลในภายหน้า

จึงขออนุญาตนำพยานทั้งสองปากดังกล่าวเข้าสืบพยานก่อนฟ้อง ในวันที่ 10 ม.ค. โดยผู้ร้องได้นำตัวพยานทั้งสองพร้อมล่ามสำหรับพยานทั้งสองมาศาลแล้วโดยพยานทั้งสองอยู่ในระหว่างการคุ้มครองของเจ้าพนักงานตำรวจ ขอศาลได้โปรดออกนั่งพิจารณาเพื่อทำการสืบพยานล่วงหน้า ขณะนี้ นายเอกลักษณ์ ผู้ต้องหาหรือจำเลย ถูกจับกุมได้ที่ประเทศกัมพูชา ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในราชอาณาจักรไทย

ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ผู้พิพากษาออกบัลลังก์สืบพยานล่วงหน้าตามคำร้องโจทก์ โดย 1 ในนั้นมีพยานปากภรรยาชาวฝรั่งเศสของนายลิม เข้าให้การสืบพยาน โดยภรรยาของผู้ตายให้การว่า ผู้ตายประกอบอาชีพเป็นวิศวะกรด้านการเงิน และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นพรรคการเมืองในซีกฝ่ายค้าน และยืนยันว่าสามีของตนอย่างนายลิม ไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองหรือกระทบกระทั่งกับผู้ใดมาก่อน

ภรรยาของนายลิม ให้การต่อว่า ในวันเกิดเหตุตนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยพร้อมกับกิม และพี่เขยเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ไปพักผ่อนยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเป็นเวลา 4 วัน ก่อนที่จะเดินทางมายังประเทศกัมพูชา และผ่านเข้ามายังประเทศไทยผ่านเส้นทางบริเวณชายแดนปอยเปต ในวันเกิดเหตุ ตนและนายลิม เดินทางมาถึงยังจุดเกิดเหตุบริเวณใกล้กับวัดบวรนิเวศซึ่งเป็นบริเวณที่มีจราจรติดขัดก่อนที่ตน พี่เขย และนายลิม จะนำสำภาระลงจากรถบัส และเดินไปข้ามถนนยังด้านหลังเพื่อไปยังฟุตบาตกลางถนน

ปรากฏว่า หลังจากนั้นตนได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงประทัดดังขึ้นประมาณ 2 ครั้งจากบริเวณข้างหน้า จึงหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่า ตนพบเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อยืด หันหน้ามาทางตน แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นชาวบ้านทั่วไปที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น หลังจากนั้น ชายคนดังกล่าวได้ขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับหนีไป

ต่อมา ทนายความได้นำรูปของนายเอกลักษณ์ มาให้ภรรยาของนายกิมดู เพื่อให้เทียบว่าใช่คนเดียวกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งภรรยาของนายลิม มั่นใจว่าใช่คนเดียวกัน ภรรยาของนายลิมให้การต่อว่า ภายหลังจากที่เกิดเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้นแล้ว พี่เขยของตนได้ตะโกนขึ้นมาว่านายลิมถูกยิง ซึ่งในขณะนั้นนายลิม ยังไม่เสียชีวิตแต่ว่าไม่มีสติแล้ว ตนพบว่าสามีของตนเองถูกยิงตรงบริเวณด้านหลัง 2 นัด หลังจากนั้นตนพยายามช่วยชีวิตด้วยวิธีการ CPR แต่ปรากฏว่าสามีของตนอาการแย่ลงเรื่อยๆ มีเลือดออกจำนวนมาก จึงขอความช่วยเหลือจากประชาชนรอบข้างแต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย ผ่านไปสักพักจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมกับแพทย์เข้ามาทำการช่วยเหลือ แต่ในเวลานั้นหลังจากที่ตนจับชีพจรของสามีปรากฏว่าสามีของตนชีพจรไม่เต้น จึงทำให้มั่นใจว่าสามีของตนได้เสียชีวิตลงแล้ว

อีกทั้ง พี่เขยของตนเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถโดยสารประจำทาง หลังจากนั้นภรรยาของนายลิมให้การอีกว่า เวลาที่สามีของตนถูกยิงคาดว่าเป็นเวลาประมาณ 17:30-17:45 น. และหลังจากนั้นตนได้ไปให้ปากคำที่ สน.ชนะสงคราม โดยยืนยันว่าไม่มีการบังคับขู่เข็ญในชั้นสอบสวน

Related Posts

Send this to a friend