POLITICS

‘อนุทิน’ แจงงบประมาณมหาดไทยกว่า 30% ถูกจัดสรรเป็นงบลงทุน

‘อนุทิน’ แจงงบประมาณมหาดไทยกว่า 30% ถูกจัดสรรเป็นงบลงทุน มุ่งพัฒนาประชาชน เน้นความสำคัญสูงสุดสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม

วันนี้ (4 ม.ค. 67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ลุกขึ้นชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เป็นวันที่สอง

นายอนุทิน ชี้แจงงบประมาณในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หลายคน ตั้งข้อสังเกตว่า มีการจัดสรรงบประมาณมาก และมีสัดส่วนงบลงทุนสูงว่า ในการจัดทำงบประมาณตั้งแต่แรกนั้น มีความกังวลว่างบประมาณของกระทรวงมหาดไทย จะหนักที่งบปฏิบัติการหรือไม่ เพราะจะเท่ากับทำงานประจำ (routine) มาก แต่ทำงานพัฒนาได้น้อย ในยามที่ประเทศไทยต้องการการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพื่อชดเชยความสูญเสียของเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 แต่เมื่อได้จัดทำงบประมาณเรียบร้อยแล้ว จัดสรรงบลงทุนกว่า 30% ของงบประมาณที่ได้รับ

“ผมเชื่อว่า เรามาถูกทางในเรื่องการจัดสัดส่วนงบประมาณ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะพัฒนางานของกระทรวงมหาดไทย ให้ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที ตามแนวทางของกระผมที่ได้มอบให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยได้ทำงานร่วมกัน” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

นายอนุทิน ชี้แจงต่อไปว่า ในงบประมาณเกือบ 4.6 แสนล้านบาทของกระทรวงมหาดไทย จะถูกแบ่งไปยังส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจในสังกัด ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา วงเงินดังกล่าวสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพิ่มขึ้นจากงบประมาณในปีที่แล้ว คิดเป็นร้อยละ 10.5 ถือว่าสอดคล้องกับงบประมาณรัฐบาลในภาพรวม หากนำงบประมาณที่จัดสรรเป็นก้อนทั้งหมด เรียงจากมากไปหาน้อย ตามรายจ่ายเชิงยุทธศาสตร์ จะพบว่า ด้านที่ใช้จ่ายเงินเป็นสัดส่วนสูงสุด คือ ด้านการสร้างโอกาส และการสร้างความเสมอภาคทางสังคม เป็นวงเงินถึง 3.4 แสนล้านบาท คิดเป็น 75% ของงบประมาณทั้งหมด

“ผมเชื่อว่า เรื่องการสร้างโอกาส และความเสมอภาคทางสังคมนี้ ถือว่าอยู่ในลำดับความสำคัญต้น ๆ ของการพัฒนาประเทศ และสามารถตอบสนองความต้องการลดความเหลื่อมล้ำในใจของพี่น้องประชาชนด้วย” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

นายอนุทิน ยังเปิดเผยถึงประเด็นอื่นที่ให้ความสำคัญด้วย อาทิ ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ด้านความมั่นคง ด้านความสามารถในการแข่งขัน ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้านการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ จึงจะเห็นได้ว่า การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายในเชิงยุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทยนั้น นอกจากจะสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของรัฐบาลแล้ว ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ ที่ประเทศไทยมีพันธกิจร่วมอยู่ด้วย โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมกัน การขจัดความยากจน การทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นมิตรต่อมนุษยชาติ การลดปัญหาภาวะโลกร้อน จึงถือเป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาและความก้าวหน้า

นายอนุทิน แจกแจงถึงโครงการสำคัญที่จะดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2567 เช่น โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ระยะที่ 2 โครงการที่เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน สอดรับกับนโยบาย e-Government โครงการที่เกี่ยวกับการสร้างความมั่นคงด้านอาชีพและรายได้ประชาชน ตัวอย่างทั้งหมดนี้ คือการลงทุนที่นอกเหนือจากงานบริการประชาชน ที่ต้องพัฒนาตามรอบและตามแผนระยะยาว

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงภารกิจที่จะต้องทำอีกและทำอย่างรวดเร็วคือ การประปา โดยเน้นเรื่องน้ำประปาดื่มได้ และน้ำประปาเพื่อประชาชน ส่วนไฟฟ้า ก็เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น โซลาร์เซลล์ และโซลาร์รูฟ ตลอดจนงานของกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่มีการปรับปรุงเทคโนโลยี เพื่อให้การทำงานมีความทันสมัย สะดวก และรวดเร็วแก่ประชาชนยิ่งขึ้น

“งานของหน่วยงานที่ใช้งบประมาณ ภายใต้การกำกับของกระทรวงมหาดไทยนั้น มีทั้งส่วนรายจ่ายประจำ และส่วนการลงทุนพัฒนา เพื่อตอบสนองสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และเป้าหมายใหม่ ๆ ทั้งของรัฐบาล และของประเทศ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายสำคัญลำดับต้นของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คือ การบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน อย่างการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย ลดการข่มขู่คุกคามต่อประชาชนได้

“การบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพนั้น ไม่ได้หมายถึงการที่จะใช้เงินอย่างเดียว ผมขอกราบเรียนย้ำเลยนะครับ เราทำงานถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ไม่ให้เกิดการทุจริตในท้องที่ เราทำงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การปรับเวลาเปิดสถานบริการเพื่อเอื้อให้คนทำมาหากิน เพิ่มพูนรายได้เพิ่มมากขึ้น ดูแลความปลอดภัยเช่นการควบคุมอาวุธปืนที่จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ไม่ต้องเกิดการสูญเสียงบประมาณไปใช้ในสิ่งที่ไม่ควรเกิด การสนับสนุนนโยบายฟรีวีซ่า และเพิ่มประสิทธิภาพดูแลนักท่องเที่ยว ก่อให้เกิดรายได้ที่ไม่ต้องลงทุน นี่คือสิ่งที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

สุดท้าย นายอนุทิน กล่าวว่า นอกจากงานในส่วนของกระทรวงมหาดไทย และการบูรณาการความร่วมมือร่วมกันกับหน่วยงานอื่นแล้ว กระทรวงที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของตนเองในฐานะรองนายกรัฐมนตรีนั้น คือ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม รวมถึงสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์กรมหาชน) มีการเซ็นบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อเป้าหมายร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ช่วยให้เกิดผลงานการบริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

“กระทรวงมหาดไทย จะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ยินดีรับฟังทุกข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ และจะนำไปปรับปรุงในรายละเอียดที่ทำได้ต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

Related Posts

Send this to a friend