POLITICS

‘เลขาบีโอไอ’ จับเข่า 40 นักธุรกิจญี่ปุ่น ชวน ลงทุนโปรเจกต์แลนด์บริดจ์

‘เลขาบีโอไอ’ ตั้งเป้าไทยเป็นฮับสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคของบริษัทชั้นนำโลก จับเข่า 40 นักธุรกิจญี่ปุ่น ชวน ลงทุนโปรเจกต์แลนด์บริดจ์ ปัด ’พานาโซนิก‘ ย้ายฐานผลิตออกไทย บอกปิดแค่โรงงานย่อย แต่โรงงานยังอยู่เหมือนเดิม

วันนี้ (14 ธ.ค. 66) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีเป้าหมายเชิญชวนนักลุงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติมอย่างไรบ้างว่า การไปญี่ปุ่นครั้งนี้บีโอไอเตรียม 3 ภารกิจหลักให้นายกฯ คือการร่วมสัมนากับภาคการค้าการลงทุนและภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เป็นงานใหญ่ที่สุดหลังมีโควิด-19 มีนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้าร่วมกว่า 500 คน

นายกรัฐมนตรีจะกล่าวถึงทิศทางและมาตรการด้านเศรษฐกิจ จะสื่อสารให้เห็นถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย ว่ามุ่งเน้นใน 5 สาขาหลัก คืออุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำ อุตสาหกรรมดิจิทัลสร้างสรรค และการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงานภูมิภาคของบริษัทต่างๆ เพราะญี่ปุ่นลงทุนในไทยมานาน 40-50 ปี มีฐานการผลิตในประเทศไทย แต่สิ่งที่เราอยากเชิญชวนให้มาลงทุน มากกว่าการเป็นฐานการผลิตนั้น คือการวิจัยและพัฒนาและการตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย โดยช่วง 4 ปี จากนี้ตั้งเป้าว่าจะมีบริษัทชั้นนำของโลกกว่า 100 บริษัทให้เขามาตั้งสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคในไทย เพื่อสร้างแรงงานทักษะสูงไม่ต่ำกว่า 10,000 อัตราและต่อยอดไปสู่ธุรกิจต่างๆ ต่อไป ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ก็จะพูดเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์และรับฟังความคิดเห็นของนักลง

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการลงนามเอ็มโอยูความร่วมมือด้านต่างๆ หรือไม่ นายนฤตม์ กล่าวว่า อาจจะไม่ได้เป็นการลงนามเอ็มโอยู เพราะส่วนใหญ่ลงทุนในไทยอยู่แล้ว แต่จะเป็นการพูดคุยเรื่องแผนธุรกิจในระยะต่อไปว่าจะมีการเตรียมลงทุนอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

นายนฤตม์ กล่าวต่อว่าส่วนที่ 2 จะพบปะกับ 7 บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ส่วนนี้จะพูดคุยถึงแผนการลงทุน และสื่อสารมาตรการในการสนับสนุนของรัฐบาลไทย เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งเขาอยากให้เราสนับสนุนการทำรถยนต์ อีวี รถไฮบริด และอีโคคาร์ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะมาในอนาคต ทั้งเรื่องพลังงานสะอาด และการประหยัดพลังงาน การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ

พร้อมกันนี้ยังจะพบกับภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เช่น พานาโซนิค ที่เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีและแบตเตอรี่ระดับโลก รวมถึง คูโบต้า ผู้ผลิตเครื่องมือการเกษตรรายใหญ่ในประเทศไทย และบริษัท มิตซุย ที่มีความสนใจเรื่องของพลังงานและเคมี ซึ่งการพบบริษัทพานาโซนิค ที่ลงทุนในไทยมายาวนาน และปัจจุบันมีโครงงานในไทยกว่า 10 แห่งนั้น เขาเพิ่มการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์อีวี และระบบกักเก็บพลังงานรายใหญ่ของโลก เราก็อยากเชิญชวนให้มาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

ส่วนคูโบต้า อยากให้มาช่วยพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรสมัยใหม่ ว่าจะทำอย่างไรในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรของไทยให้สูงขึ้น และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรบางชนิดที่ไทยยังต้องนำเข้าอยู่

เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวพานาโซนิคจะย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยไปประเทศอื่น นายนฤตม์ กล่าวว่า เป็นเพียงการปิดโรงงานลักษณะเดียวกันขนาดเล็กๆ เพื่อรวมเป็นโรงงานใหญ่ ในประเทศไทยพานาโซนิก มีทั้งหมด 11 โรงงาน เป็นโรงงานขนาดใหญ่ 4 โรงงาน ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อุปกรณ์อัตโนมัติในรถยนต์ และเทคโนโลยีที่ซับซ้อนในรถยนต์ ส่วนอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ได้ซับซ้อนก็ไปรวมกับประเทศอื่น ทั้งนี้ 4 โรงงานมียอดถึง 80% ของยอดขายทั้งหมด

ขณะที่ส่วนที่ 3 นายเศรษฐา นายสุริยะ และบีโอไอ จะนำเสนอโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐาภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างทะเลอ่าวไทยและอันดามัน หรือ แลนด์บริดจ์ ต่อบริษัทเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่น ที่ลงชื่อเข้าร่วมแล้วกว่า 40 คน อาทิ บริษัทที่เกี่ยวกับการสร้างท่าเรือ การเดินเรือ การประกันภัย การธนาคาร เป็นต้น โดยจะร่วมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการ การพูดคุยกับบรรดาบริษัทเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการร่างทีโออาร์ในอนาคตด้วย

Related Posts

Send this to a friend