POLITICS

นายกฯ ลั่น หมดเวลารอคอย น้ำแล้ง – น้ำท่วมต้องหมดไป พร้อมยกระดับ 30 รักษาทุกโรคต่อ

วันนี้ (2 มี.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับฟังการบรรยายการบริหารจัดการน้ำ เพื่อใช้สำหรับการอุปโภค ณ พื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยส้มป่อย ตำบลนาขาม อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยนายกรัฐมนตรี ได้สวมเสื้อภูไท ผ้าฝ้าย สีกรมท่า เป็นลายของกลุ่มผู้ปักผ้า ต.คำบง อ.ห้วยผึ้ง (เป็นลายภูไทดั้งเดิมลายแรกที่ ต.คำบงเริ่มปักเสื้อ) ตัดจากเสื้อย้อมคราม และปักลวดลายด้วยฝ้ายสีต่าง ๆ ด้วยมือ

นายกรัฐมนตรีรับฟังเรื่องการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยส้มป่อย ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มต้นสร้างในปีหน้า หลังจากรอมานาน เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้มีน้ำไว้ใช้อุปโภค บริโภค พร้อมกล่าวกับประชาชนสั้น ๆ ว่า หมดเวลาแห่งการรอคอยแล้ว ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งต้องดีขึ้นกว่านี้ เพื่อให้เกษตรกรทุกคน มีโอกาสปลูกพืชให้ได้ผลผลิตมากขึ้น มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น ไม่ใช่รอเพียงน้ำฝนจากฟ้ามากำหนดชะตา เหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น

ต่อมาได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน ณ แหลมพยอม บึงโพนทอง ตำบลแวง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสอบถามชาวบ้านเป็นภาษาอีสาน ว่า สบายดีบ่พี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ด วันนี้ตนเองดีใจที่ได้มาพบปะกับพี่น้องเป็นครั้งที่ 3 ในชีวิต ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จังหวัดร้อยเอ็ด หรือสาเกตนคร เป็นเมืองที่มีศักยภาพสูง เป็นเมืองที่ต้องพึ่งเกษตรกรรมค่อนข้างเยอะ เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิชั้นดีที่สุดในโลก ได้รับเครื่องหมายจีไอเป็นที่ต้องการของตลาด รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนเรื่องของสายพันธุ์ข้าวให้ดี รวมถึงการเปิดตลาดใหม่ ๆ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้ขายข้าวในราคาที่แพงขึ้นได้ และไม่ว่าจะเป็นเรื่องปุ๋ย หรือยาฆ่าแมลงที่ราคาถูกลง เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้การสนับสนุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ตนเองได้มาดูเรื่องปัญหาคลองส่งน้ำต่าง ๆ ที่มีความตื้นเขิน ก็มีการทำบ่อบำบัด เพื่อให้เป็นแหล่งน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เครือข่ายชลประทานทั้งหมดถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ที่เป็นเหมือนเส้นเลือดของพ่อแม่พี่น้องทุกคน รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ดี วันนี้เราก็มากันพร้อมทั้ง สส. รวมถึงปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งหากเราบริหารเรื่องชลประทานได้ เรื่องของการไม่ท่วมไม่แล้งก็จะดีมากสำหรับพี่น้องชาวร้อยเอ็ดทุกคน

“ไม่มีอะไรสำคัญกว่าเรื่องการไม่ท่วม ไม่แล้ง ท่านจะมีน้ำใช้ตลอดหน้าฝน และน้ำจะไม่ท่วม ท่านก็จะสามารถปลูกพืชผลได้เป็น ส่วนหนึ่งของการเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้อง 3 เท่าตัว ในระยะเวลา 4 ปี ที่เราเป็นรัฐบาล” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องการคมนาคมก็เป็นตัวสำคัญเมื่อ 3 – 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาดูเรื่องเครือข่ายถนนเชื่อมโยงทั้งทางอากาศ และทางบก เพื่อให้พี่น้องสามารถไปมาหาสู่ได้อย่างดี เพราะการขนส่งสินค้าต่าง ๆ ไปขายทั่วประเทศ ได้ด้วยความสะดวกสบายในราคาที่ถูกลง ก็เป็นเรื่องที่สำคัญซึ่งเราอยากให้มีการทำอย่างต่อเนื่อง

ส่วนระบบสาธารณสุข นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เมื่อเดือนที่แล้วที่จังหวัดร้อยเอ็ด เรื่องของการใช้ 30 บาทใบเดียวไปได้ทุกที่ก็เป็นจังหวัดนำร่อง 1 ใน 4 จังหวัด และจะขยายไปทั่วประเทศ การยกระดับ 30 บาทระบบสาธารณสุขทั้งประเทศ จึงเป็นนโยบายสำคัญที่สุดของเรา เพราะชาวอีสานมีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าประชากรทั่วประเทศ แสดงว่าการสาธารณสุขยังดีไม่พอ เราจึงมีการพัฒนายกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรครักษาได้ทุกที่ต่อไปอีก

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจให้เยอะ เพราะเราต้องเสียเวลาไปเข้าคิวคอยโดยใช้เวลานานมาก ไปถึงแล้วบางทีเราก็เดินได้ไปบอกว่าประวัติเราเป็นอะไรบ้าง แต่การยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เมื่อเดินทางไปรักษาเราก็ต้องอธิบายให้หมอฟังว่าเราเป็นอะไรบ้าง แต่การยกระดับโครงการนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องรู้จักหมอ แต่หมอจะรู้จักกับพี่น้องทุกคนที่เดินทางไปหาเขา เขาจะรู้ประวัติการไม่สบายของท่าน ทำให้การรักษาท่านถึงจุดได้ดีกว่าที่เคยเป็น“ นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนเรื่องหนี้นอกระบบ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นงานหลักของเราที่พยายามจะการจัดหนี้นอกระบบให้หมดสิ้นไป แต่ตัวเลขที่ออกมาก็ยังไม่ดีพอ พวกท่านที่ยังไม่เข้ามาลงทะเบียน เพราะกลัวอิทธิพลของเจ้าหนี้ใช่หรือไม่ ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะดูแลพวกท่าน เพราะเขาเอาเปรียบดอกเบี้ยแพงเกินควร นอกจากนี้ ตนยืนยันว่า รัฐบาลนี้ให้ความาำคัญเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดให้หมดภายใน 4 ปีนี้

“เราจะคืนลูกหลานของท่านสู่ครอบครัว รัฐบาลจะดูแลทุกท่านในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นราคาพืชผลทางการเกษตร ยาเสพติด การสาธารณสุข ทำเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้ง เราให้ความสำคัญทั้งหมด และพบกันอีก“ นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เดินทักมายประชาชน ถ่ายรูป และให้ประชาชนสวมกอดอย่างเป็นกันเอง ซึ่งระหว่างเดิน มีประชาชนสอบถามถึงเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่ายังได้ใช่หรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ตอบหลับทันทีว่า “ได้ครับ ได้แน่นอนครับ” ก่อนจะเดินทางกลับ

Related Posts

Send this to a friend