HEALTH

เผย เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เสี่ยงจมน้ำเสียชีวิต แนะดูแลบุตรหลานใกล้ชิด

กรมควบคุมโรค เผย พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ช่วง 19-26 มี.ค.66 เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เสี่ยงจมน้ำเสียชีวิต แนะดูแลบุตรหลานใกล้ชิด ผู้เกี่ยวข้องเร่งสำรวจ-ติดป้ายเตือนแหล่งน้ำเสี่ยงอันตราย

วันนี้ (20 มี.ค. 66) กรมควบคุมโรค เผยแพร่พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 19-25 มีนาคม 2566 ซึ่งคาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบการบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุการตกน้ำ จมน้ำ ในกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปีมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่เด็กปิดเทอมและอากาศร้อน เด็กอาจลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือแหล่งน้ำที่ใช้ในเกษตรกรรมบริเวณใกล้เคียง รวมถึงแหล่งน้ำที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ทะเล น้ำตก สวนน้ำ ก็เป็นที่นิยมในช่วงฤดูร้อน จึงอาจมีความเสี่ยงเหตุการณ์เด็กตกน้ำ หรือจมน้ำเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ข้อมูลระหว่างปี 2555-2564 โดยเฉลี่ยพบเด็กจมน้ำเสียชีวิตวันละ 2 คน

ดังนั้นผู้ปกครองควรจึงควรเพิ่มความระมัดระวัง ในการดูแลบุตรหลานช่วงปิดเทอม และควรสอนวิธีการว่ายน้ำเอาชีวิตรอด อีกทั้งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ ควรร่วมดำเนินการ ร่วมกับชุมชนในการสำรวจแหล่งน้ำเสี่ยง จัดการแหล่งน้ำให้ปลอดภัย เช่น การสร้างรั้วกั้น ป้ายเตือน เตรียมอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำ ไว้บริเวณแหล่งน้ำเสี่ยง และให้ความรู้เรื่องแหล่งน้ำเสี่ยง การป้องกันและการปฏิบัติตัวเมื่อพบคนตกน้ำ

“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุการตกน้ำ จมน้ำ ในกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปีมากขึ้น ประกอบกับระยะนี้เป็นช่วงที่เด็กปิดเทอมและอากาศร้อน เด็กอาจลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือแหล่งน้ำที่ใช้ในเกษตรกรรมบริเวณใกล้เคียง รวมถึงแหล่งน้ำที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ทะเล น้ำตก สวนน้ำ ก็เป็นที่นิยมในช่วงฤดูร้อน จึงอาจมีความเสี่ยงเหตุการณ์เด็กตกน้ำ หรือจมน้ำเพิ่มขึ้นได้”

ทั้งนี้จากข้อมูลกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2555-2564 พบคนไทยจมน้ำเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จำนวน 35,915 คน หรือ เฉลี่ยวันละ 10 คน โดยระหว่างวันที่ 1 มกราคม-31 สิงหาคม 2565 พบว่าประชากรทุกกลุ่มอายุ เสียชีวิตจากจมน้ำ รวม 2,883 คน และพบว่าระหว่างปี 2555-2564 มีเด็กจมน้ำเสียชีวิต รวม 7,374 คน หรือเฉลี่ยวันละ 2 คน คิดเป็นอัตราอัตราเสียชีวิต 5.0-8.6 ต่อประชากรแสนคน เนื่องจากช่วงปิดเทอมเดือนมีนาคม พบอากาศร้อนและเด็กเล่นน้ำ

จากข้อมูลข้างต้นพบว่า แม้แนวโน้มการจมน้ำของเด็กลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมาพบมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 (ปี 2564 และ 2565) ขณะที่กลุ่มอายุอื่นมีแนวโน้มคงที่มาตลอด แต่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด 19 เช่นเดียวกัน ซึ่งจากผลการวิเคราะห์อัตราการเสียชีวิตในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี พบว่าเด็กอายุแรกเกิด – 4 ปี และอายุ 5-9 ปี มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด คิดเป็น 7.3 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาได้แก่ กลุ่มอายุ 10-14 ปี มีอัตราการเสียชีวิต 4.7 ต่อประชากรแสนคน

และในปี 2566 ข้อมูลจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด ระหว่างวันที่ 1 มกราคม -16 มีนาคม 2566 พบการรายงานเหตุการณ์จมน้ำเสียชีวิต จำนวน 4 เหตุการณ์ ในเดือนมกราคม ถึงมีนาคม ตามลำดับ เดือนมกราคม มี 3 เหตุการณ์ ที่ 1.สงขลา 2.นราธิวาส และ 3.กระบี่ พบผู้จมน้ำเสียชีวิต 2 ราย และ 1 ราย และ 2 รายตามลำดับ 4.จ.อุบลราชธานี พบจมน้ำเสียชีวิตจำนวน 5 คน เกิดเหตุแพข้ามฟากแม่น้ำมูลล่ม เนื่องจากมีผู้โดยสารจำนวนมาก ทำให้แพรับน้ำหนักไม่ไหว”

“ส่วนการป้องกันการเสียชีวิตจากการจมน้ำ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เน้นย้ำไม่ให้ไปเล่นน้ำกันตามลำพัง ไม่ให้เล่นในบริเวณห้ามเล่นน้ำ / แหล่งน้ำลึก / คลื่นลมแรง ควรสอนวิธีการว่ายน้ำเอาชีวิตรอด และการขอความช่วยเหลือ และให้ลงเล่นน้ำโดยสวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น เสื้อชูชีพ หรือห่วงยาง บุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ ควรร่วมดำเนินการ ร่วมกับชุมชนในการสำรวจแหล่งน้ำเสี่ยง จัดการแหล่งน้ำให้ปลอดภัย เช่น การสร้างรั้วกั้น ป้ายเตือน เตรียมอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำ ไว้บริเวณแหล่งน้ำเสี่ยง และให้ความรู้เรื่องแหล่งน้ำเสี่ยง การป้องกัน และการปฏิบัติตัวเมื่อพบคนตกน้ำ / จมน้ำกับประชาชนทั่วไป รวมถึงเน้นย้ำโรงเรียนให้ความรู้เรื่องดังกล่าว กับนักเรียนอย่างต่อเนื่อง ตามบริบทพื้นที่ด้วยเช่นกัน”

ทั้งนี้กรมควบคุมโรค ขอแนะนำประชาชนทั่วไป ในกรณีพบเห็นคนตกน้ำ ไม่ควรกระโดดลงไปช่วยเพราะอาจจมน้ำพร้อมกันได้ ควรใช้มาตรการ “ตะโกน โยน ยื่น” คือ

1.“ตะโกน” เรียกขอความช่วยเหลือ และโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ เบอร์ 1669
2.“โยน” อุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวช่วยคนตกน้ำเกาะจับพยุงตัว เช่น ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า หรือวัสดุที่ลอยน้ำ
3.“ยื่น” อุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวให้คนตกน้ำจับ เช่น ไม้ เสื้อ ผ้าขาวม้า ให้คนตกน้ำจับและดึงขึ้นมาจากน้ำ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422”

Related Posts

Send this to a friend