กรมการแพทย์-สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ร่วมรณรงค์ผู้หญิงตระหนักภัยมะเร็งปากมดลูก
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมรณรงค์ ต้านภัยมะเร็งปากมดลูก หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค แนะผู้หญิงอายุ 30-60 ปี ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์ใกล้บ้าน พร้อมด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ทั้งนี้ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข) พบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ เฉลี่ยวันละ 15 ราย หรือ 5,422 คนต่อปี และมีผู้หญิงเสียชีวิตเฉลี่ย วันละ 6 ราย หรือ 2,238 คนต่อปี
นายแพทย์วีรวุฒิ กล่าวว่า “มะเร็งปากมดลูกถือเป็นปัญหาสาธารณสุข ที่สำคัญของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2532 ซึ่งพบอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งปากมดลูก สูงเป็นอันดับหนึ่งในผู้หญิงไทย จากนั้นมีการผลักดันนโยบาย การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ระดับประเทศขึ้นทำให้อุบัติการณ์มะเร็งปากมดลูก มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมะเร็งปากมดลูก จัดอยู่ในอันดับ 5 ของมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงไทย มีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 15 ราย หรือ 5,422 คนต่อปี (Cancer in Thailand Vol.X 2016-2018 ทั้งนี้ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข) ยังพบว่ามีผู้หญิงเสียชีวิตเฉลี่ย วันละ 6 ราย หรือ 2,238 คนต่อปี จากมะเร็งปากมดลูก
สำหรับมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุหลักๆ มาจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการมีคู่นอนหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น นอกจากนี้การสูบบุหรี่ การมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ก็เป็นอีกปัจจัยร่วม ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอีกด้วย อาการที่เป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ มีตกขาว เลือดหรือของเหลวที่ผิดปกติออกทางช่องคลอด ประจำเดือนมามากหรือนานกว่าปกติ ในระยะลุกลามอาจมีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะขัดหรือถ่ายอุจจาระลำบาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นต้น
ด้าน นายแพทย์ศุภกร พิทักษ์การกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมะเร็งวิทยานรีเวช สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า “ในเดือนมกราคมของทุกปี องค์กรด้านโรคมะเร็งต่างๆทั่วโลก จะร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ต้านภัยมะเร็งปากมดลูก เพื่อสร้างความตระหนักด้านการป้องกันโรค ให้กับประชาชน สำหรับประเทศไทยก็มีหน่วยงานหลายภาคส่วน ได้ร่วมรณรงค์ในโอกาสนี้เช่นกัน ในด้านนโยบายระดับประเทศมีการผลักดันให้การฉีดวัคซีน HPV โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กผู้หญิงในชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งถือเป็นวัยก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก จึงเหมาะสมในการได้รับวัคซีน อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีน ยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ทั้งหมด ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วยังคงต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV test ได้รับการผลักดันให้เป็นนโยบายของประเทศ ผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 30-60 ปี สามารถเข้ารับบริการตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV Test ได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์ การรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”












