HEALTH

โรคผื่นแพ้ผิวหนัง อันตรายที่มาพร้อมกับฝุ่น PM 2.5

การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีคำเตือน เกี่ยวกับค่าฝุ่นพิษเกินมาตรฐานหลายเขต เนื่องจากอากาศร้อน และไม่มีลม จึงทำให้สภาพอากาศปิดนิ่ง นั่นจึงทำให้ปริมาณฝุ่นเพิ่มขึ้น ทั้งนี้อันตรายจากฝุ่น PM 2.5 จะส่งผลกระทบต่อปัญหา โรคผื่นแพ้ผิวหนัง ได้ทั้งอาการเฉียบพลับ ตั้งแต่การระคายเคืองทั่วไป และอาการเรื้อรัง เช่น ผิวอักเสบแดงและเป็นผื่นคันได้ง่าย เนื่องจากผิวหนังเป็นด่านสำคัญ ในการปกป้องร่างกายจากมลภาวะ

The Reporters ได้สอบถามไปยัง พญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย และผู้ก่อตั้ง “Lollana Clinic” ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันโรคผื่นแพ้ผิวหนังจากฝุ่นร้าย ว่า “ทั้งนี้ฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง แต่ยังรวมถึงร่างกายทั้งระบบก็ว่าได้ ในส่วนของผิวหนัง จะส่งผลกระทบเป็น 2 ระยะ เริ่มจาก ระยะเฉียบพลัน จะทำให้เกิดการระคายเคืองเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจาก Keratin ซึ่งเป็นโปรตีนในผิวได้สูญเสียไป อันเนื่องจากฝุ่นร้าย”

“ส่วน ระยะเรื้อรัง เมื่อผิวสัมผัส PM 2.5 เป็นระยะเวลายาวนานและต่อเนื่อง จะทำให้ผิวอ่อนแอลงจากการอักเสบ เนื่องจากโลหะหนักและสารเคมีปะปนอยู่ในอากาศร่วมด้วย และไม่เพียงแค่ผิวหนังอักเสบ แต่ยังก่อให้เกิดผื่นคันได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอยู่ก่อนแล้ว รวมถึงเด็ก ผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ฝุ่นพิษก็จะกระตุ้นให้ผิวอักเสบ และมีอาการคันมากขึ้นเช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่เป็นสิวอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็จะกระตุ้นให้เป็นมากขึ้น”

พญ.พลอยลดา บอกอีกว่า การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 เป็นเวลานาน จนกระทั่งเข้าสู่ระยะเเรื้อรัง ไม่เพียงทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบง่ายขึ้น แต่ยังทำให้ผิวชราเร็วขึ้นเช่นกัน และปัญหาที่ตามมาจากการที่ผิวเสื่อมเร็ว ก็จะทำให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากสัมผัสแสงแดด

ฝุ่นร้ายส่งผลกระทบร่างกายทั้งระบบ กระตุ้นโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างคาดไม่ถึง! นอกจากฝุ่นพิษจะก่อให้เกิดโรคผิวหนังแล้ว ยังกระตุ้นให้เกิด “โรคหลอดเลือดหัวใจ” และ “โรคหลอดเลือดสมอง” ได้เช่นกัน เนื่อง PM 2.5 จะไปทำให้เส้นเลือด ที่ไปเลี้ยงอวัยวะเหล่านี้ เกิดการอักเสบจึงนำมาซึ่งโรคดังกล่าว นอกจากนี้ในคนปกติ จะ “มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้มากขึ้น” หรือทำให้ “ทางเดินหายใจบวมอักเสบ” ตามมาด้วยการแลกเปลี่ยนอากาศ ในการหายใจเข้าออกทำได้ไม่ดี นั่นจึงทำให้มีน้ำมูกไหลขณะหายใจ ที่สำคัญยังกระตุ้นอาการภูมิแพ้ฝุ่น ในกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ก่อนแล้ว หรือแม้แต่ “โรคมะเร็งผิวหนัง” ได้เช่นเดียวกัน เพราะ PM 2.5 จะทำให้ผิวหนังอักเสบมากขึ้น และทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง ดังนั้นจึงสามารถพบมะเร็งกลุ่มดังกล่าวได้

การป้องกันและรับมือ จากผลกระทบของ PM 2.5 ทำได้ดังนี้ ?

พญ.พลอยลดา ให้ข้อมูลว่า “การป้องกันและรับมือกับฝุ่นพิษจิ๋ว แนะนำว่าให้งดออกไปอยู่ในที่มี PM 2.5 ในปริมาณที่สูง หรือสังเกตจากหมอกที่อยู่ในอากาศ เพราะอันที่จริงแล้วคือฝุ่นร้าย หรือควรออกไปสัมผัสอากาศ ในลักษณะดังกล่าวให้น้อยและสั้นที่สุด ที่สำคัญควรสวมเสื้อผ้าแขนยาวและกางเกงขายาว และเมื่อกลับเข้าบ้าน ควรรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย และไม่ลืมทาโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งจะทำให้ผิวของเราแข็งแรง ก็จะช่วยป้องกันอาการแพ้ฝุ่น และลดอาการอักเสบที่ผิวหนังได้”

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และเวชศาสตร์ชะลอวัย อธิบายว่า ทั้งนี้หากออกไปสัมผัสอากาศภายนอก และมีอาการของผื่นแพ้ คัน แดง จาก PM 2.5 สามารถรับประทานยาแก้แพ้ และทายาลดการอักเสบผิวหนัง ที่มีสารสเตียรอยด์แบบชนิดอ่อน หรือใช้ในระยะสั้นๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น ทั้งนี้สามารถสอบถามยาชนิดดังกล่าวได้จากเภสัชกร ที่สำคัญไม่แนะนำให้ใช้ยาทาลดผิวหนังอักเสบ ที่มีสารสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรือหากซื้อยามาใช้เอง และอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้ผู้ป่วย ที่มีอาการผื่นแพ้ผิวหนังเรื้อรัง รับประทานกลุ่มของวิตามินซี และวิตามินอี รวมถึงซิ้งค์หรือสังกะสี เพื่อทำให้ผิวแข็งแรง เพื่อรับมือกับมือฝุ่นร้ายได้ทางหนึ่ง

สถานการณ์ของโรคผิวหนัง และโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 ในอนาคต?

พญ.พลอยลดา กล่าวว่า “สถานการณ์ของผู้ป่วย เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 ปัจจุบันพบได้เยอะขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก การที่หลายคนติดโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ ทำให้ร่างกายต้องปรับตัวหลังจากที่ป่วย ดังนั้นเมื่อพบการระบาดของไวรัสไข้หวัด และร่างกายปรับตัวไม่ทัน จึงทำให้คนไทยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่มากขึ้น ที่สำคัญป่วยง่ายขึ้นกว่าปกติ รวมถึงโรคผิวหนังอักเสบ ที่ปัจจุบันแพทย์ผิวหนัง พบผู้ป่วยกลุ่มนี้มากขึ้นกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งจากการป่วยโควิด-19 ส่วนหนึ่ง และจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน สังเกตได้จากคนปกติ ที่ไม่ได้เป็นโรคผิวหนังมาก่อน เมื่อสัมผัสฝุ่นพิษ ก็ทำให้มีอาการระคายได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม”

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และเวชศาสตร์ชะลอวัย อธิบายอีกว่า การรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บจากฝุ่นพิษนั้น สิ่งสำคัญต้องไม่ลืมเรื่องการดูแลตัวเอง ตั้งแต่การกินวิตามิน เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้จำเป็นต้องนอนหลับพักผ่อนอย่างพอดี ที่สำคัญควรหมั่นดื่มน้ำ ที่ไม่เพียงป้องกันร่างกายขาดน้ำ แต่ยังทำให้ระบบในร่างกายสมดุล เพื่อรับมือกับอาการเจ็บป่วยได้ดีขึ้น ส่วนการออกกำลังกายนั้น ในช่วงที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ควรออกกำลังกายในร่มหรือในบ้าน แทนการออกกำลังกายนอกบ้าน เพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นภูมิคุ้มกันโรคที่สำคัญ และสามารถเริ่มได้จากตัวเอง

Related Posts

Send this to a friend