HEALTH

เตือน ฟันเทียมหลวม-ขยับง่าย ไม่ควรใช้งานต่อ เสี่ยงหลุดลงคอ อันตรายถึงชีวิต

วันนี้ (5 ก.ย. 66) นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เตือนผู้สูงอายุหรือผู้ที่ใส่ฟันเทียม หากพบฟันเทียมชำรุด ขยับ หลวม และหลุดง่าย ไม่ควรใส่หรือใช้งานต่อ ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะหากฟันเทียมหลุดลงในคอ อาจไปปิดกั้นทางเดินหายใจ หรือหากกลืนลงช่องท้อง เสี่ยงเกิดแผลในทางเดินอาหาร อาจอันตรายถึงชีวิต

นายแพทย์ไพโรจน์ กล่าวว่า “ปัจจุบันมีรายงานข่าวพบผู้สูงอายุที่ใส่ฟันเทียม ซึ่งใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน เกิดหลวมหลุด และเผลอกลืนฟันเทียม ลงไปติดค้างที่หลอดอาหาร ซึ่งอันตรายเป็นอย่างมาก หากชิ้นส่วนของฟันเทียมหลุดลงไปในช่องท้อง เพราะอาจทำให้เกิดแผลในทางเดินอาหารได้ นอกจากนี้หากฟันเทียมหลุดลง ไปยังระบบทางเดินหายใจ เช่น หลอดลม อาจไปปิดกั้นทางเดินหายใจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบฟันเทียมของตนเองอยู่เสมอ หากฟันเทียมชำรุด ขยับ แตก หัก หลวมหรือหลุดง่าย ไม่ควรใช้งานต่อหรือปล่อยทิ้งไว้ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไขทันที”

ด้าน ทันตแพทย์หญิง ดร.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวว่า “การใส่ฟันเทียม เพื่อทดแทนการสูญเสียฟันธรรมชาติที่หายไป จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารและช่วยสร้างความมั่นใจ ซึ่งฟันเทียมแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ฟันเทียมชนิดติดแน่น เช่น ครอบฟัน สะพานฟัน หรือรากฟันเทียม และอีกประเภทคือฟันเทียมชนิดถอดได้ มีทั้งชนิดฐานอะคริลิกและฐานโลหะ ซึ่งการใส่ฟันเทียมสามารถใส่ทดแทนฟันบางส่วน หรือทดแทนฟันทั้งปาก การใส่ฟันเทียมทุกชนิดควรทำโดย ทันตแพทย์ผู้มีความชำนาญ ในกรณีของฟันเทียมชนิดถอดได้นั้น จะมีขั้นตอนในการทำหลายขั้นตอน เพื่อให้เกิดเสถียรภาพ และการยึดอยู่ที่ดีของฟันเทียม เพื่อให้สามารถใช้ฟันเทียมได้ดี”

ขณะที่ ทันตแพทย์อุกฤษฏ์ ศรีสรฉัตร์ ทันตแพทย์ชำนาญการด้านทันตกรรม ผู้เชี่ยวชาญสาขาทันตกรรมประดิษฐ์ กล่าวว่า “การใช้งานฟันเทียมชนิดถอดได้ ควรใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ควรเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียวจนเกินไป เพราะอาจทำให้ฟันเทียมชำรุดเสียหายได้ อีกทั้งเมื่อใช้ฟันเทียมในระยะเวลาหนึ่ง (ประมาณ 1-5 ปี และขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่ใช้ทำฟันเทียม) ฟันเทียมอาจหลวม เนื่องจากกระดูกใต้ฐานฟันเทียม มีการละลายตัวเพิ่มขึ้น หรือมีการแตกหักของฐานฟันเทียม ตะขอหักหรือตะขออ้า ไม่รัดแน่นเหมือนเดิม ทำให้ฟันเทียมหลวมและขยับ เมื่อใช้งานอาจมีอาการเจ็บบริเวณเหงือกหรือฟัน จึงควรพบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อทำการตรวจเช็คสภาพฟันเทียม เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเทียมหลวมหลุดหรือกระดก”

“โดยบางรายต้องเสริมฐานฟันเทียม หรือปรับตะขอให้แน่นขึ้น หรืออาจจำเป็นต้องทำฟันเทียมใหม่ นอกจากนี้ควรทำความสะอาดฟันเทียมทุกครั้ง หลังรับประทานอาหาร โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มร่วมกับสบู่ และก่อนนอนควรถอดฟันเทียมออก เพื่อทำความสะอาดแล้วแช่น้ำสะอาด ซึ่งการใส่ฟันเทียมในกรณีที่ยังมีฟันเหลืออยู่ในช่องปาก ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุ และเหงือกอักเสบได้ หากไม่ดูแลรักษาความสะอาดฟันและฟันเทียม ทั้งนี้ควรพบทันตแพทย์ ทุก 3-6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก และตรวจเช็คฟันเทียมว่ายังอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่ รวมถึงรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลช่องปากและแก้ไขฟันเทียมอย่างถูกวิธี”

Related Posts

Send this to a friend