HEALTH

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เผยข้อมูล “รับยาที่ร้านยา” ใน 16 กลุ่มอาการเล็กน้อย

นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)เผยข้อมูลล่าสุด เกี่ยวกับการ “รับยาที่ร้านยา” เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิบัตรทอง 30 บาท ในกรณีที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ไปรับยาที่ร้านยาชุมชมอบอุ่น ตามมาตรา 3 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ตามที่บอร์ด ของสำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 โดยในปีงบประมาณ 2566 สปสช.ได้ร่วมกับสภาเภสัชกรรม ขยายการให้บริการบัตรทอง 30 บาท ที่ร้านยาชุมชนอบอุ่นเพิ่มเติม โดยเพิ่มบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ เพื่อดูแลประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท ในกรณีที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย จำนวน 16 กลุ่มอาการ ทั้งนี้ร้านยาชุมชนอบอุ่นที่ร่วมให้บริการ ต้องผ่านการอบรม และควบคุมโดยสภาเภสัชกรรม ซึ่งขณะนี้มีจำนวนกว่า 500 แห่งในประเทศไทย

นพ.นพพร กล่าวว่า “ ทั้งนี้“ร้านยาชุมชนอบอุ่น” เป็นร้านขายยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ที่ร่วมเป็นหน่วยบริการที่รับส่งต่อ เฉพาะด้านเวชกรรมในระบบบัตรทอง 30 บาท ตามมาตรา 3 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ตามที่บอร์ดของสำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 โดยในปีงบประมาณ 2566 สปสช.ได้ร่วมกับสภาเภสัชกรรมขยายการให้บริการบัตรทอง 30 บาท ที่ร้านยาชุมชนอบอุ่นเพิ่มเติม โดยเพิ่มบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิเพื่อดูแลประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท ในกรณีที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย

ในขณะที่ในต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขและ NHS สหราชอณาจักร เตรียมออกประกาศให้เภสัชกรร้านยา สามารถจ่ายยารวมถึงยาต้านจุลชีพ สำหรับอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย โดยนับเป็นครั้งแรกที่ สหราชอณาจักรจะอนุญาตให้เภสัชกรสามารถ จ่ายยาโดยที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดแรงกดดัน จากการที่ประชาชนต้องรอคิวพบแพทย์เป็นเวลานาน รวมทั้งการเดินขบวนของแพทย์และพยาบาล เพื่อเรียกร้องให้มีการลดความคับคั่ง ในการรับบริการโดยจำกัดปริมาณผู้ป่วยต่อวัน

ทั้งนี้ 16 กลุ่มอาการที่นับเป็นการเจ็บป่วยเล็กน้อย ซึ่งสามารถรับยาที่ร้านยา โดยผู้ใช้บริการสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) สามารถรับบริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเป็นไปตามแนวทางและมาตรฐานการให้บริการ เภสัชกรรมปฐมภูมิโดยสภาเภสัชกรรม ได้แก่ ปวดหัว เวียนหัว ปวดข้อ เจ็บกล้ามเนื้อ ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก ถ่ายปัสสาวะขัด ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะเจ็บ ตกขาวผิดปกติ อาการทางผิวหนัง ผื่น คัน บาดแผล ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตา และความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหู

ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน 3 มิติ โดยมิติแรกซึ่งน่าจะมีความสำคัญที่สุดคือ
1.มิติในด้านของประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทอง จะสามารถเข้าถึงบริการและการรับยาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและลดการเดินทาง โดยการมารับยาที่ร้านยา รวมทั้งลดการรอคิวนานจากการรับบริการในสถานพยาบาล

2.เป็นการยกระดับบทบาท ของเภสัชกรในร้านยา ผู้ที่ถูกจัดให้ทำหน้าที่ดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ซึ่งครอบคลุมถึง 16 กลุ่มอาการ โดยขอบข่ายการดูแลของเภสัชกรในร้านยา จะพัฒนาไปจากเดิม จากการเป็นเพียงผู้จำหน่ายจ่ายยา ให้พลิกศักยภาพแสดงบทบาทของวิชาชีพเภสัชกร ที่ต้องทำหน้าที่ซักประวัติ/อาการ ให้คำแนะนำและให้ยารักษาตามอาการ รวมทั้งการติดตามและแนะนำให้พบแพทย์ ในกรณีที่มีอาการซึ่งต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยตรง ทั้งนี้บนเจตนารมณ์ให้เกิดการใช้ยาสมเหตุผล เกิดประสิทธิภาพ และความปลอดภัย

3.ในด้านของสถานพยาบาล ที่จะสามารถลดความแออัด แบ่งเบาภาระงานของบุคลากรการแพทย์ในโรงพยาบาล หรือลดความเสี่ยงของการแพร่กระจาย เชื้อโรคติดต่อที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือในอนาคตก็ตาม

ทั้งนี้จากข้อมูลของโครงการประเมินเทคโนโลยี และนโยบายด้านสุขภาพ พบว่าในปี พ.ศ. 2560 มีจำนวนผู้ป่วยนอก ที่เข้ารับบริการในสถานบริการสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ อยู่ที่กว่า 200 ล้านครั้ง/ปี ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี และพบว่าผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลนั้นมีเพียง 2 ใน 5 เท่านั้น ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ที่เหลือเป็นอาการที่สามารถรับบริการ ในศูนย์บริการสุขภาพปฐมภูมิในชุมชนได้

Related Posts

Send this to a friend