ตำรวจไซเบอร์ จับกุมผู้ต้องหาหลอกลงทุนธุรกิจ อ้างติดต่ออดีตผู้นำฟิลิปปินส์ได้ เสียหายกว่า 20 ลบ.
พ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา ผกก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม นายพลาวัฒน์ อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา หลังก่อเหตุหลอกลวงทำธุรกิจกับต่างประเทศ อ้างว่าอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ได้ จนผู้เสียหลงเชื่อ ก่อนจะนำรหัสผ่านในกระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้เสียหาย โอนสินทรัพย์ดิจิทัลออกจากแพลตฟอร์มไบแนนซ์เข้าบิทคับ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 20 ล้าน สามารถจับกุมได้ที่ ภายในซอยพหลโยธิน แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกผู้ต้องหาหลอกลวงจนเชื่อใจ ยอมย้ายไปอยู่ด้วยกันกับหนึ่งในกลุ่มของผู้ต้องหา ระหว่างนั้น ผู้เสียหายส่งมอบข้อมูลรหัสผ่านในกระเป๋าเงินดิจิทัลของตนให้เพราะความเชื่อใจ จนกระทั่งครอบครัวของผู้เสียหายติดตามจนเจอ จึงพาผู้เสียหายกลับบ้านและไม่ได้ติดต่อกับกลุ่มผู้ต้องหาอีก ต่อมาผู้เสียหายพบว่าอีเมล์ของตนมีการแจ้งเตือนการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลออกจากแพลตฟอร์มไบแนนซ์ของผู้เสียหาย ตรวจสอบแล้วพบว่าถูกโอนไปที่แพลตฟอร์มบิทคับ มูลค่าประมาณเกือบ 20 ล้าน จึงแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาขบวนการนี้
จากการสืบสวนพบว่า มีการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้เสียหายออกไปจำนวน 20 ครั้ง โดยเส้นทางการเงินทั้งหมดไปจบที่บัญชีของ นายพลาวัฒน์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการในการหลอกลวงครั้งนี้ อีกทั้ง นายพลาวัฒน์ ยังมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายว่าตนทำธุรกิจกับต่างประเทศ สามารถติดต่ออดีตผู้นำฟิลิปปินส์ได้ สร้างความเชื่อถือให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุนในธุรกิจ มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 20 ล้าน
ทั้งนี้ นายพลาวัฒน์ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐาน “ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนและทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบโดยเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น และร่วมกันลักทรัพย์ และฟอกเงิน”
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และยังให้การว่า เงินที่เข้าบัญชีของตน เป็นเงินที่ผู้เสียหายร่วมลงทุนธุรกิจต่างประเทศกับตนด้วยความสมัครใจ โดยมิได้มีเจตนาหลอกลวง
