นายปราชญ์ เกิดไพโรจน์ ผู้จัดการด้านสิทธิมนุษยชน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าช่องทางการร้องเรียนแต่ละช่องทางมีความเฉพาะตัวและความท้าทายแตกต่างกันออกไป เช่น การร้องเรียนให้ปรับปรุงสวัสดิการและสภาพการทำงานทั่วไปมักจะมาจากคณะกรรมการสวัสดิการ แต่ถ้าเป็นการเรื่องที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น ร้องเรียนหัวหน้างานหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนจะมาจากกลไกภายนอกผ่านเอ็นจีโอเป็นต้น
ด้านนางสาวพักตร์พริ้ง บุญน้อม ตัวแทนจากบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารหรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า นอกจากบริษัทจะจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ภายหลังรับข้อเสนอของภาคประชาสังคม ทางบริษัทจัดให้มีสัดส่วนคณะกรรมการเพิ่มขึ้นจากขั้นต่ำ 5 คน โดยให้เพิ่มตัวแทน 1 คนต่อพักงานทุกๆ 400 คน ทั้งนี้หากผลการเลือกตั้งยังไม่ครอบคลุมตัวแทนทุกกลุ่ม ก็จะจัดให้มีการเลือกอนุกรรมการที่เป็นตัวแทนของแรงงานให้ครอบคลุมใน 4 ด้านคือ เพศ เชื้อชาติ ศาสนา และความพิการ โดยคณะอนุกรรมการมีหน้าที่นำเสนอปัญหาและข้อเสนอแนะไปยังคณะกรรมการสวัสดิการ ก่อนที่คณะกรรมการสวัสดิการจะประชุมร่วมกับผู้บริหาร บริษัทขอขอบคุณเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ให้แนวคิดและจุดประกายเราในเรื่องสัดส่วนตัวแทนนี้ขึ้นมา ซีพีเอฟเริ่มทำมาตั้งแต่ปลายปี 2561โดยจะให้ครบคลุมโรงงานทั้งหมดของบริษัท
ขณะที่ภาครัฐเองก็มีแผนที่จะส่งเสริมบทบาทของคณะกรรมการสวัสดิการมากขึ้นเช่นกัน นายสมบูรณ์ ตรัยศิลานันท์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าในอนาคตคณะกรรมการสวัสดิการจะต้องมีส่วนร่วมในพิจารณาในกรณีนายจ้างจะลงโทษลูกจ้างด้วย ส่วนกระบวนการตรวจสอบสถานประกอบการของภาครัฐเองก็ต้องเข้มข้นขึ้น เช่น พุ่งเป้าไปที่การตรวจสอบบริษัทที่ต้องสงสัยว่าจะมีปัญหาละเมิดสิทธิแรงงาน มากกว่าการตรวจสอบบริษัทใหญ่ๆ ที่ค่อนข้างจะมีมาตรฐานอยู่พอสมควรแล้ว