‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ ทุ่ม 3 พันล้านขยายโซนหรู รับนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ คาดทราฟฟิกแตะแสนคนต่อวัน

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ประกาศความเคลื่อนไหวทางธุรกิจครั้งสำคัญ โดยเปิดตัวแบรนด์ระดับโลกใหม่หลายแบรนด์ พร้อมเดินหน้าแผนลงทุนขยายพื้นที่ศูนย์การค้า เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และตอกย้ำเป้าหมายการเป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์หรูหราระดับโลก
โดยล่าสุด เซ็นทรัล ภูเก็ต ได้เปิดให้บริการแบรนด์ลักชัวรี ได้แก่ BVLGARI และ PRADA รวมถึงแบรนด์ไลฟ์สไตล์พรีเมียมอย่าง Alo, COS และ Orlebar Brown ควบคู่ไปกับการลงทุนมูลค่า 3,000 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่ศูนย์การค้าเพิ่มอีก 20,000 ตารางเมตร (พื้นที่ให้เช่ารวม) ทำให้มูลค่าโครงการโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 23,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ส่วนต่อขยายเฟสแรกมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2569 โดยตั้งเป้าให้เซ็นทรัล ภูเก็ต เป็นศูนย์การค้าที่รวบรวมแบรนด์หรูได้มากที่สุดนอกกรุงเทพฯ รวมกว่า 45 แบรนด์ เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากรัสเซีย จีน และอินเดีย
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนาต่อยอดความสำเร็จของเซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งเป็นศูนย์การค้าลักชัวรีแห่งเดียวนอกกรุงเทพฯ ให้เป็นแลนด์มาร์กระดับโลก ด้วยพื้นที่รวมกว่า 400,000 ตารางเมตร ครอบคลุมโซนฟลอเรสต้า เฟสติวัล และโครงการที่อยู่อาศัย การลงทุนขยายโซนลักชัวรีเพิ่มอีก 3,000 ล้านบาทนี้ จะทำให้มูลค่าโครงการมิกซ์ยูสรวมสูงกว่า 23,000 ล้านบาท เมื่อเฟสแรกเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2569 จะเป็นกลไกสำคัญยกระดับภูเก็ตสู่จุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์หรูหรา และศูนย์กลางท่องเที่ยวพรีเมียมของเอเชีย ดึงดูดแบรนด์ดังจากทั่วโลกเข้ามาเสริมทัพ ซึ่งล่าสุดมี BVLGARI, PRADA, Alo, COS ที่เปิดสาขาแรกนอกกรุงเทพฯ และ Orlebar Brown ที่เปิดสาขาแรกในไทย
ดร ณัฐกิตติ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังใช้ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Data & AI) เพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งเฉพาะบุคคล และพัฒนาโปรแกรมลูกค้าสัมพันธ์ (Loyalty Program) ให้ตอบโจทย์ลูกค้าพรีเมียม ปัจจุบันศูนย์ฯ มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 80,000 คนต่อวัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 100,000 คนต่อวันเมื่อส่วนต่อขยายแล้วเสร็จในปี 2569 ซึ่งไม่เพียงเพิ่มการเข้าใช้บริการ แต่ยังช่วยขยายโอกาสให้ร้านค้าไทยและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สร้างการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ข้อมูลจากสำนักนายกรัฐมนตรีและสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า ในปี 2567 ภูเก็ตมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดของประเทศกว่า 490,000 ล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย จีน และอินเดียเป็นกลุ่มหลักในปี 2568 สะท้อนศักยภาพการเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ไม่มียุคโลว์ซีซั่นและดึงดูดนักเดินทางคุณภาพสูงได้ตลอดปี โดยแม้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจยังไม่เท่าปี 2562 แต่รายได้กลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่มีอัตราการเข้าพักสูงถึง 85%
แบรนด์ใหม่เสริมทัพที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ได้แก่
BVLGARI: บูติกใหม่นำเสนอเครื่องประดับชั้นสูงจากอิตาลี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกรุงโรม ถ่ายทอดศิลปะการใช้ชีวิตร่วมสมัย
PRADA: เปิดบูติกใหม่ขนาด 597 ตารางเมตร ดีไซน์กระจกโค้งและลายสามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ภายในตกแต่งด้วยพื้นหินอ่อนลายหมากรุก ผนังโค้งสีเขียวพาสเทล นำเสนอสินค้าครบครันทั้งเสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า และเครื่องประดับสำหรับบุรุษและสตรี
Alo: แบรนด์แอคทีฟแวร์แนวลักชัวรี เปิดสาขาแรกนอกกรุงเทพฯ ที่ชั้น 2 โซนฟลอเรสต้า บนพื้นที่กว่า 480 ตารางเมตร นำเสนอเสื้อผ้าที่ผสมผสานแฟชั่นและการออกกำลังกาย
COS: เปิดร้านแรกนอกกรุงเทพฯ ขนาด 340 ตารางเมตร เน้นการออกแบบที่ใช้วัสดุธรรมชาติและยั่งยืน เช่น ผนังดินเผาท้องถิ่น ตู้โชว์ไม้ไผ่ ชั้นวางจากพลาสติกรีไซเคิล 100% และพื้นเทอราซโซจากวัสดุรีไซเคิลกว่า 90%
Orlebar Brown (OB): แบรนด์รีสอร์ทแวร์จากอังกฤษ เปิดตัวสาขาแรกในประเทศไทย นำเสนอเสื้อผ้าสไตล์หรูหราสำหรับวันพักผ่อน
การขยายตัวและเสริมทัพแบรนด์ดังครั้งนี้ มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการช้อปปิ้งระดับโลก