BUSINESS

เงินเฟ้อสหรัฐ ทำสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 40 ปี นักเศรษฐศาสตร์แนะ จับตา

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แสดงความเห็นถึงข้อมูลเงินเฟ้อที่ออกมาเมื่อคืนนี้ (10มิ.ย.65) ว่า ได้เปลี่ยนมุมมองของหลายคน หลังดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ 2 ปี พุ่งสูงสุดในรอบ 14 ปี ปรับตัว +0.25% ใน 1 วันที่ผ่านมา สะท้อนความคาดการณ์ของนักลงทุนว่า หากเงินเฟ้อไม่ยอมลงมาและยังดื้อยาเร่งตัวขึ้นเล็กน้อย สุดท้าย เฟดคงต้องเพิ่มขนาดยาให้แรงขึ้นไปอีก

โดยจากเดิมที่จะต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ไปอีก 2 ครั้ง ตอนนี้เริ่มคิดว่า คงต้องเป็นอย่างน้อยอีก 3 ครั้ง ส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้นก็เตรียมหลบภัยเช่นกัน Dow Jones ลดลง 2 วัน -1,518 จุด หรือ -4.61% ทำให้ที่ขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายพฤษภาคมจนเกือบจะกลับไปที่เดิม รับกับดัชนี NASDAQ ที่ลดลง -6.17% S&P 500 ที่ลดลง -5.22% และเป็นสัปดาห์ลดมากสุดในรอบหลายๆ เดือน

ส่วนค่าเงินสหรัฐที่อ่อนลงไปช่วงหนึ่งเริ่มกลับแข็งค่ามาที่ 104.2 อีกรอบ จากที่ลงไปแตะ 101.3 เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม หลัง ECB ออกมาส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยบ้าง หรือขึ้นเกือบ 3% ในช่วงสั้นๆ เพียงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทบค่าเงินสกุลต่างๆ เช่น เงินเยนที่ตอนนี้อยู่ที่ 134.4 เยน/ดอลลาร์ อ่อนลง -5.5% จาก 127.1 เยน/ดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกัน ท้ายสุด ราคาทองคำที่ลดลงไปที่ 1,800 ตอนนี้เพิ่มชั่วคราวมาอยู่ที่ 1,875 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งหมดนี้ มาจากมุมมองของตลาดที่เปลี่ยนไปมา ระหว่าง 1 เดือน เกี่ยวกับสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐ ทำให้จากที่เคยคิดว่า “น่าจะเอาอยู่” เปลี่ยนไปเป็น “ยังเอาไม่อยู่” และ Inflation is alive and well
พร้อมจะกลับมา

ยิ่งเมื่อเมืองจีนเริ่มเปิดเมือง สงครามเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียกับสหรัฐและพันธมิตร ยังคงเดินหน้าด้วยมาตรการ Sanctions ใหม่ๆ ล่าสุด ประกาศจะลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย 90% ในช่วงปลายปีนี้ ราคาน้ำมันโลกที่เคยนิ่งๆ อยู่ระหว่าง 100-110 ดอลลาร์/บาเรล เป็นประมาณ 120-125 ดอลลาร์/บาเรล กดดันให้เงินเฟ้อเพิ่ม และอยู่ยาวนานขึ้น ตลาดจึงเริ่มปรับมุมมอง ปรับตัวอีกครั้ง ต้องมารอลุ้นกันว่าเฟดจะทำอะไรในการประชุม ในสัปดาห์หน้า

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินมุมมองธนาคารกลางสหรัฐ( Fed) ต่อการประชุมรอบวันที่ 14-15 มิ.ย.65 นี้ แม้คาดจะยังคงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% จาก 0.75-1.00% เป็น 1.25-1.50% ตามลำดับแล้ว แต่เฟดอาจมีโอกาสปรับแผนทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบที่เหลือของปี รวมถึงแผนการทำ QT จากเดิม 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือนเป็นเวลา 3 เดือน (เดือน มิ.ย. – ส.ค.65) ก่อนปรับเพิ่มเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน

และยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินสถานการณ์ รวมถึงติดตามประเด็นการเจรจาการค้ากับจีนเรื่องกำแพงภาษีที่จะหมดอายุลงในวันที่ 6 ก.ค.65 ซึ่งอาจถือเป็นอีกหนึ่งความคาดหวังที่จะช่วยบรรเทาความร้อนแรงของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯได้ ก่อนการประชุม Fed ในรอบถัดไปวันที่ 26-27 ก.ค. 65

นอกจากการติดตามผลประชุมเฟดรอบนี้แล้ว ยังต้องติดตามการเปิดเผยประมาณแนวโน้มเศรษฐกิจ (Economic Projection) และทิศทางอัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) ของสหรัฐฯ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากรอบการประชุมเดือน มี.ค. 65 หรือไม่

ส่วนราคาทองคำสปอตดีดตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,845 เหรียญ ตอบรับแรงหนุนจากการเป็น Inflation Hedge asset อย่างไรก็ตาม Dollar Index เดินหน้าแข็งค่าขึ้นต่อไปแตะระดับ 103.65 จุด ขณะที่ 10-Year US Bond Yield ยังแกว่งตัวเหนือระดับ 3% ท่ามกลางความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะตามมา คาดยังเป็นแรงกดดัน มองราคาทองคำหากไม่ทะลุ 1,860 เหรียญ ขึ้นไปยืน ยังมองเป็นจังหวะ Short และมีโอกาสอ่อนตัวกลับลงมาทดสอบระดับ 1,835 เหรียญ และ 1,820 เหรียญได้อีกครั้ง

Related Posts

Send this to a friend