AROUND THAILAND

ศาลปกครอง ยกคำร้อง “อีสท์วอเตอร์” ขอคุ้มครองชั่วคราว คดีประมูลท่อส่งน้ำ

กรณี บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลพิจารณาคำขอ หรือมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวเป็นการฉุกเฉิน กรณีที่ คณะกรรมการที่ราชพัสดุอนุมัติให้ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ได้รับเลือกให้ดำเนินการโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และศาลมีคำสั่งวันที่ 12 เม.ย.2565 ยกคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพาษาคดี

โดยอีสวอเตอร์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2564 กรมธนารักษ์ออกประกาศเชิญชวนให้เอกชนร่วมประมูลโครงการดังกล่าว นัดเปิดรับซองเอกสารวันที่ 9 ส.ค. 2564 มีอีสท์วอเตอร์และเอกชนอีก 2 ราย ยื่นซอง ต่อมา กรมธนารักษ์ได้แจ้งยกเลิกการตัดเลือกเอกชนเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2564 และปรับปรุงประกาศเชิญชวนใหม่ ซึ่งอีสท์วอเตอร์ไม่เห็นด้วยและได้ทำหนังสือโต้แย้ง โดยเห็นว่าคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่ประกาศเชิญชวนฉบับใหม่ มีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับคำสั่งยกเลิก และไม่ก่อประโยชน์ให้รัฐ มีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติผู้ยื่นประมูลให้ด้อยลง และมีเวลาให้อีสท์วอเตอร์เตรียมการประมูลรอบใหม่ไม่มาก เนื่องจากได้รับเอกสารประกาศเชิญชวนฉบับใหม่วันที่ 13 ก.ย.2564 และต้องยื่นข้อเสนอวันที่ 28 ก.ย.2564 จึงขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษา ดังนี้

1.ขอเพิกถอนมติหรือคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนในการจัดให้เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ที่แจ้งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2564
2.ขอเพิกถอนประกาศเชิญชวนฉบับใหม่ฉบับวันที่ 10 ก.ย. 2564
3.ขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ที่เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ และกรมธนารักษ์ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2565
4.ให้คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ กรมธนารักษ์ และคณะกรรมการที่ราชพัสดุ หยุดการกระทำละเมิด โดยงดการกระทำตามประกาศเชิญชวนเอกชนคเข้าคัดเลือกฉบับใหม่ลงวันที่ 10 ก.ย. 2564

วานนี้ (12 เม.ย. 65) ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งคดีดังกล่าว โดยยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว พร้อมระบุว่า ในชั้นนี้ยังรับฟังไม่ได้ว่าคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ ที่แจ้งยกเลิกการคัดเลือกเอกชน และออกประกาศการคัดเลือกเอกชนฉบับใหม่เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนที่อีสท์วอเตอร์อ้างว่า ได้รับความเดือนร้อนเสียหายอย่างรุนแรง ยากในการเยียวยา ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการนี้คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ กรมธนารักษ์ และคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นหน่วยงานทางปกครองใช้อำนาจหน้าที่คัดเลือกเอกชน ตาม พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2562 กฎกระทรวงการจัดประโยชน์ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2564 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการคัดเลือกเอกชนเพื่อจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุที่มีราคาเกิน 500 ล้านบาท พ.ศ.2564 มิได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 กรณีนี้จึงไม่อาจนำมาตรา 119 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวมาใช้บังคับแก่กรณีนี้ได้ ดังนั้นแม้จะมีการลงนามเพื่อเข้าทำสัญญาในโครงการนี้แล้ว แต่หากปรากฎว่าการคัดเลือกเอกชนคู่สัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนการดำเนินการดังกล่าวได้ และหากอีสท์วอเตอร์เห็นว่าได้รับความเดือดร้อนจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 3 ราย ย่อมใช้สิทธิฟ้องกรมธนารักษ์ให้ชดใช้ค่าเสียหายได้ ในชั้นนี้จึงเห็นได้ว่า หากคำสั่งทางปกครองที่เป็นเหตุพิพาทในคดีนี้มีผลบังคับใช้ต่อไปก่อนศาลมีคำพิพากษา ไม่ทำให้อีสท์วอเตอร์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังแต่อย่างใด ข้อกล่าวอ้างของอีสท์วอเตอร์ในประเด็นนี้ จึงมิอาจรับฟังได้

Related Posts

Send this to a friend