POLITICS

‘ณัฐวุฒิ’ ถามเหตุผลเลื่อนบังคับใช้ 4 มาตรา พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จ่อร้องศาล รธน.

‘ประยุทธ์’ หนีตอบกระทู้ ‘ณัฐวุฒิ’ ถามความเต็มใจ-เหตุผลแท้จริง ที่เลื่อนบังคับใช้ 4 มาตรา พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จ่อร้องศาล รธน.-พร้อมโหวตคว่ำ พ.ร.ก. หากเข้าสภาฯ ‘สมศักดิ์’ ชี้ ‘สุรเชษฐ์-ดำรงศักดิ์’ พูดไม่ตรงกัน แม้ ยธ. ไม่เห็นด้วยให้เลื่อน แต่ยึดความพร้อม-ความปลอดภัยสาธารณะ เผยเรื่องอยู่ห้องนายกฯ แล้ว ไม่รู้จะเข้าวาระสภาฯ หน้าวันไหน

วันนี้ (23 ก.พ. 66) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) โดยมี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง เป็นประธานการประชุม มีระเบียบวาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา ของ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566

ประธานฯ แจ้งว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีหนังสือแจ้งว่า กระทู้ถามเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีบัญชามอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ตอบกระทู้ถามแทน

นายณัฐวุฒิ ตั้งกระทู้ถามโดยกล่าวว่า การเลื่อนบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ 4 มาตรา ฟาดลงไปกลางหัวใจของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และพี่น้องที่ติดตามเรื่องเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลกระทบไปถึงสากล เพราะเวลาจะออก พ.ร.ก. ใด ๆ ต้องไปดูข้ออ้างอิงในทางกฎหมาย โดยเฉพาะในกฎหมายรัฐผัรรมนูญฯ มาตรา 172 ที่บัญญัติว่า การตรา พ.ร.ก. ให้กระทำต่อเมื่อ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ตลอดจนมีเงื่อนไขคือ ความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงเศรษฐกิจ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ แต่หมายเหตุใน พ.ร.ก. กลับระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติงานบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว รวมถึงส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยสาธารณะ

“ตกลงทั้งหมดทั้งมวล เหตุและผลจริง ๆ ที่ไม่ได้เขียน ว่าความไม่พร้อมด้านอุปกรณ์ด้านคนนั้น คืออะไรกันแน่ ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติเช่ารถเทสล่าได้ ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดซื้อจัดจ้างโปรแกรมเพกาซัสได้” นายณัฐวุฒิ ถาม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตอบว่า เหตุผลในคำถามของนายณัฐวุฒิก็ดูเหมือนเป็นคำตอบด้วย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมก็มีความพร้อมในบุคลากรและการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เพราะมีความรับผิดชอบน้อยกว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างการบันทึกภาพและเสียงระหว่างการจับกุมด้วย ก็มีความยุ่งยากพอสมควร อาจมีความผิดพลาดในการดำเนินการต่าง ๆ ประกอบกับงบประมาณในการเตรียมความพร้อม ซึ่งในขณะนี้ รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 444,810,000 บาทให้กับการดำเนินการเกี่ยวกับกล้องและเครื่องบันทึกเสรยงเรียบร้อยแล้ว ส่วนการเลื่อนบังคับใช้ทั้ง 4 มาตรานั้นก็เลื่อนไปเพียง 7 เดือนไปถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ซึ่งความสมบูรณ์ตรงนี้ หากดำเนินการไปตามนี้ กรณีความไม่พร้อมทั้งหมดก็จะเรียบร้อยไป

“หากว่าเราไม่ยอมเลื่อนให้เลย มันจะเป็นผลเสียตามมา อาจมีการบังคับใช้กฎหมายในขณะที่หน่วยงานยังไม่มีความพร้อมจะทำให้การเฝ้าระวัง การเก็บรวบรวม และการบันทึกพยานหลักฐาน ในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่มีความไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ประเด็นโต้แย้งในขั้นตอนการดำเนินคดีผู้กระทำความผิด ส่งผลการจับมิชอบ การบังคับใช้กฎหมายขาดประสิทธิภาพ และไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด ซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อสังคมและความปลอดภัยสาธารณะอย่างร้ายแรง อีกทั้งเจ้าหน้าที่รัฐยังถูกเสี่ยงดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัยอีกด้วย ในข้อเท็จจริงนี้จึงถือเป็นเหตุฉุกเฉิน มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ … กระทรวงยุติธรรมไม่เห็นด้วยนะครับ แต่ในความจำเป็นเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

นายณัฐวุฒิ ถามคำถามที่ 2 ว่า รัฐบาลไม่เต็มใจในการออกกฎหมายฉบับนี้ใช่หรือไม่ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าการเลื่อนบังคับใช้นี้จะไปถึงแค่ 30 กันยายน 2566 และจะยืนยันหลักการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนระหว่าง 7 เดือนนี้ได้อย่างไร

นายสมศักดิ์ ตอบว่า การดำเนินการส่วน พ.ร.บ. ฉบับนี้ ยังดำเนินการต่อไปอยู่ เพียงแต่ 4 มาตราที่ต้องรอความพร้อม การอนุมัติงบประมาณเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ตามรายงานที่ยังขาดเหลืออยู่นั้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ดึงดันใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ยังให้การสนับสนุนแม้กระทั่งงบประมาณที่ขาดอยู่ก็เติมให้

“การตอบคำถามของผู้คนเหล่านั้น (พล.ต.อ.สุรเชษฐ์) กับหนังสือที่ (พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์) ที่ส่งมากระทรวงยุติธรรมมันแตกต่างกัน ซึ่งผมก็ไม่ยอม แต่ว่าในที่สุดแล้ว ถ้าเราเห็นประโยชน์ของแผ่นดิน ประโยชน์ของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเกิดทำอะไรไปโดยไม่พร้อม คดีความที่เราตั้งใจดำเนินการ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เราเดินมาขนาดนี้ อีก 7 เดือนเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แล้วบทบัญญัติอื่นของกฎหมายนี้ก็ยังใช้ได้ การบริหารงานของราชการไม่ใช่ง่ายสวยหรูไปเสียทุกอย่าง มันมีความขัดข้องกับในส่วนราชการต่าง ๆ ทั้งหลายแหล่ ในวันข้างหน้าผมก็เชื่อว่า พรรคของท่านอาจเป็นรัฐบาล ท่านก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่ง่ายกับการดำเนินการกับหน่วยงานที่ใช้งบประมาณส่วนอื่นที่ต้องใช้ระยะเวลา มันอาจล่าช้าบ้างในบางส่วนบางขณะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องหลักประกันว่าประชาชนจะไม่ถูกซ้อมทรมานหรืออุ้มหายระหว่างการเลื่อนบังคับใช้ 4 มาตราดังกล่าว จึงต้องการถามเจตจำนงที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรี แต่ไม่เป็นไร จะขอถามคำถามครั้งที่ 3 ว่า ส่ง พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ฉบับนี้ เข้ามาให้สภาฯ พิจารณาแล้วหรือไม่ และหากส่งมาไม่ทันวันนี้ จะส่งมาในวันใด เพราะหากส่งมาพวกเราก็จะไม่เห็นด้วย และพร้อมส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการตรา พ.ร.ก. นี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

“ครม. ที่เคารพเราจะทำสัญญา ขอเวลาอีกไม่นานนั้น ท่านจะกล้าเพียงพอ ขอให้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้ ผมคิดว่านี่คือความมุ่งมั่นสำคัญ เสียงนี้ไม่ได้ยินแค่ในประเทศไทย แต่ได้ยินไปทั่วสากลโลก เพราะเรื่องการซ้อมทรมาน การอุ้มหาย เป็นสิ่งที่ทั้งโลกยอมไม่ได้ หัวใจของพวกผมคือประชาชนจะได้รับความปลอดภัยในการอยู่ในประเทศนี้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายสมศักดิ์ ตอบว่า ก่อนที่จะมาตอบคำถามนี้ ได้พยายามถามไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ทราบว่าหนังสืออยู่ในห้องนายกรัฐมนตรี กำลังจะส่ง หากเปิดสภาฯ ก็มีโอกาส แต่ไม่อาจรับรองอะไรได้ ขึ้นอยู่กับประธานสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาในวาระนั้นต่อไป

Related Posts

Send this to a friend