‘สุวัจน์’ บอก “บ้านเราแสนสุขใจ” ประกาศพร้อมหนุนแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย หากนโยบายแก้ 112 ยังอยู่คงร่วมรัฐบาลไม่ได้
วันนี้ (22 ก.ค.66) ภายหลังพรรคเพื่อไทยหารือกับพรรคชาติพัฒนากล้าถึงแนวทางการแก้วิกฤตและหาทางออกให้ประเทศ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดเผยว่าเป็นการเชิญร่วมรัฐบาลครั้งที่ 2 โดยก่อนหารือกับ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พรรคชาติพัฒนากล้าได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดท่าทีในการเข้าร่วมรัฐบาลให้เกิดความชัดเจน โดยคณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการมีมติยินดีสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้ลุล่วงโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศในการบริหารบ้านเมือง เนื่องจากขณะนี้มีวิกฤตหลายด้านที่พี่น้องประชาชนรอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน พรรคชาติพัฒนากล้าจึงมีจุดยืนในเชิงนโยบายทางการเมือง 4 เรื่อง
1.พรรคชาติพัฒนากล้าจะสนับสนุนให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างมาก ไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อยเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้การบริหารประเทศแก้ปัญหาได้ลุล่วง
2.พรรคชาติพัฒนากล้าสนับสนุนพรรคการเมืองเสียงอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล หากอันดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลก็ให้พรรคอันดับรองลงมา
3.พรรคชาติพัฒนากล้าต้องการเร่งรัดให้แก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ
4.พรรคชาติพัฒนากล้าขอคงไว้ซึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่าพรรคชาติพัฒนากล้าจะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน รักษาภาพลักษณ์ที่ดีของการเมืองไทยพูดอะไรไว้ก็ทำในสิ่งนั้น ส่วนเรื่องมาตรา 112 พรรคก้าวไกลมีนโยบายแก้ไขซึ่งไม่ตรงกับแนวทางของพรรคชาติพัฒนากล้าในเชิงนโยบาย มติคณะกรรมการบริหารพร้อมเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำให้เราเสร็จโดยเร็ว พร้อมสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยให้ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา หากนโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ยังคงอยู่พรรคชาติพัฒนากล้าก็ไม่สามารถเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้
ทั้งนี้ภายหลังการแถลงข่าว นายสุวัจน์ได้แวะดื่มมิ้นต์ช็อคที่ ThinkLab โดยระบุว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ดื่ม หากรับหลักการก็ต้องมาทานทุกวัน ให้คะแนน 9.9 เต็มสิบ พร้อมชี้ไปยังนายเทวัญ ลิปตพัลลภ นายวัชรพล โตมรศักดิ์ และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ว่าทุกท่านเคยอยู่ที่นี่หมด เหมือนได้กลับมาบ้าน “บ้านเราแสนสุขใจ”
โดยก่อนนายสุวัจน์ เดินทางกลับได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าหลังการเลือกตั้ง อยากเห็นบรรยากาศที่ทุกพรรคการเมืองพูดคุยกันได้หมด เป็นบรรยากาศที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อก่อนหลังการเลือกตั้งเสร็จจะแข่งกันจัดตั้งรัฐบาล วันนี้ไม่มีการแข่งกัน ทุกคนให้เกียรติพรรคอันดับ 1 ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน วันนี้ยังไม่มีใครมาเสนอแข่งพรรคอันดับ 2 เป็นบรรยากาศที่เห็นว่าพรรคการเมืองให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถือเป็นบรรทัดฐานที่ดี การจัดตั้งรัฐบาลอาจมีความเห็นต่างเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นปกติทางการเมือง เราช่วยกันแสวงหาทางออก ถอยกันบ้างเพื่อให้ได้ข้อยุติได้รัฐบาลที่มีคุณภาพ
