‘นพดล’ ยื่น 7 ข้อเสนอแนะ หวังไทยกลับมาอยู่ในจอเรดาร์โลก

‘นพดล’ ยื่น 7 ข้อเสนอแนะ หวังไทยกลับมาอยู่ในจอเรดาร์โลก ลั่น การทำงาน นายกฯ ไม่ Ignore Thailand แต่เป็น “ความสำเร็จอีกแล้วหนอไทยแลนด์”

วันนี้ (20 มิ.ย. 67) นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่สอง (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ โดยระบุว่า ขณะนี้ความท้าทายด้านการต่างประเทศของไทยในเวทีโลกมีอยู่ 5 เรื่อง ดังนี้

1.เศรษฐกิจโลกกำลังมุ่งสู่การแบ่งขั้วที่เข้มข้นมากขึ้น

2.ความไม่ชัดเจนของบทบาทและสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ หลังรัฐประหารสถานะของประเทศไทยไม่โดดเด่นเท่าที่ควร จึงทำให้ไม่สามารถกำหนดวาระด้านการต่างประเทศได้ชัดเจน

3.การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่เข้มข้น ซึ่งต้องทบทวนว่าจะเผชิญความท้าทายนี้อย่างไร

4.ปัญหาภัยคุกคามหรือความมั่นคงรูปแบบใหม่ ซึ่งประเทศไทยจะต้องหาแนวทางแก้ไข ไม่ว่าจะเรื่อง PM 2.5 ยาเสพติดข้ามแดน ผู้ลี้ภัย และอาชญากรรมคอมพิวเตอร์

5.นโยบายการต่างประเทศต้องเป็นเครื่องมือหนึ่งในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของไทย จะนำนโยบายการต่างประเทศมาแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอย่างไร

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ยึดมั่นประโยชน์ชาติต้องมาก่อน และต้องตกไปถึงมือประชาชน จึงเรียกว่า ‘นโยบายต่างประเทศที่กินได้’ มีรายละเอียดดังนี้

1.นโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เร่งการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อแสวงหาโอกาสจากการย้ายฐานการผลิต ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติมาลงทุนและตั้งฐานการผลิต

“การที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไปต่างประเทศ ไม่ได้ไปอาบแดด ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทราบดีว่าเหนื่อยและหนัก คำวิจารณ์ที่บอกว่าไปแล้วสิ้นเปลืองงบประมาณ ไม่เป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี เพราะเมื่อโอกาสไม่มาหาเรา เราต้องออกไปหาโอกาส และการลงทุนในระดับ 2-3 แสนล้าน ต้องใช้เวลา ไม่ใช่การเพาะถั่วงอกที่ 3-4 วันกินได้ ต้องบอกว่าไม่ใช่อิกนอร์ไทยแลนด์ แต่เป็นความสำเร็จอีกแล้วหนอไทยแลนด์” นายนพดล กล่าว

2.เน้นย้ำบทบาทการเป็นผู้นำการส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่ง เพื่อกอบกู้เกียรติภูมิและเพิ่มบทบาทไทยในเวทีโลก โดยเติบโตมั่นคงไปกับประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน และเวทีโลก ตามลำดับ โดยประเทศไทยจะต้องเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในโลกนี้ รวมถึงต้องกลับมาอยู่ในจอเรดาร์ของโลกอย่างชัดเจนและมีทิศทาง

3.ดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างสมดุลด้วยการวางแผนสานสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ โดยยึดมั่นในระเบียบโลก ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ มีการประกันความเสี่ยงแบบมีทิศทาง และเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพและความมั่งคั่งในเวทีโลกอย่างแข่งขัน

4.แก้ไขปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ ไทยกำลังเผชิญปัญหา PM 2.5 ข้ามแดน ซึ่งต้องแสวงหาความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน โดยรัฐบาลได้ริเริ่มนโยบายยุทธศาสตร์ฟ้าใสกับลาว กัมพูชา และพม่า ซึ่งเรื่องนี้ควรทำให้สำเร็จ แม้งบประมาณ 9 พันล้านบาทไม่ได้มากพอ แต่มั่นใจว่าสามารถผลักดันงานต่าง ๆ เพื่อประชาชนได้ ส่วนงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ 148 ล้านบาท ควรจะเพิ่มขึ้นเพื่อผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ทางการทูตด้วย

อย่างไรก็ตาม นายนพดล มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลใน 7 ข้อ ดังนี้

1.เร่งเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป และไทย-สหราชอาณาจักร

2.ตอกย้ำบทบาทของไทยในการเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพและความมั่งคั่งในเวทีโลกอย่างแข่งขัน

3.เผชิญความท้าทายโลกแบ่งขั้วด้วยการทูตแบบสุมดุล โดยยึดมั่นระเบียบโลกภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

4.ผนึกมิตรประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ข้ามพรมแดน

5.เป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพและเอกภาพในเมียนมา

6.เร่งเพิ่มการค้าชายแดน เจรจาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา

7.ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยต่างแดน เร่งช่วยเหลือตัวประกันชาวไทย 6 คน

“งานต่างประเทศเป็นงานที่เน้นผลสำเร็จของงาน ถ้าเปรียบเป็นกีฬามันไม่ใช่ยิมนาสติกลีลา แต่เป็นฟุตบอล แพ้ชนะอยู่ที่การยิงประตู เพราะฉะนั้นความสำเร็จของงานจำเป็น ผมให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี ท่านทำงานหนัก เหนื่อย เพื่อชีวิตคนไทยที่ดีขึ้น ผมหวังว่างบ 68 ที่จัดสรรให้กระทรวงการต่างประเทศ เราจะกอบกู้เกียรติภูมิของประเทศคืนมา กอบกู้ศักดิ์ศรีของคนไทยคืนมา สร้างรายได้ขยายโอกาสให้กับประเทศไทย ผมขอสนับสนุนงบ 68 และการทำงานด้านต่างระเทศ” นายนพดล กล่าว