โฆษก สธ.ชี้แจงความจริง หลัง “เพจชมรมแพทย์ชนบท” พาดพิง สธ.ทุจริตวัคซีน-เอทีเค ไม่เป็นความจริง
วันนี้ (16 พ.ค. 66) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงความจริง กรณีเพจชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ประเด็นการเมืองพาดพิงกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหามีการทุจริตจัดซื้อวัคซีน-เอทีเค ชี้อ้างเลื่อนลอย ไร้หลักฐาน ยันจัดหาวัคซีนฉีดได้ครอบคลุมตามแผน ช่วยคนรอดชีวิตได้กว่า 5 แสนคน อัตราตายต่ำกว่านานาชาติ ส่วนเอทีเค องค์การเภสัชกรรมจัดซื้อโปร่งใส
นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า กรณีเพจชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ประเด็นการเมืองไม่ให้พรรคภูมิใจไทย เข้าร่วมรัฐบาล ว่าแม้จะแสดงความเห็นทางการเมือง แต่มีการกล่าวหาว่ามีการทุจริต เรื่องการจัดซื้อวัคซีนโควิด 19 และการจัดหาเอทีเค ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุข จึงจำเป็นต้องชี้แจง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดดังนี้
1.การกล่าวหาว่ามีการทุจริตเรื่องวัคซีนโควิด 19 เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไม่มีมูล ประเทศไทยมีหน่วยงานที่ตรวจสอบการทุจริตหลายหน่วยงาน หากมีหลักฐานว่ามีการทุจริตอย่างที่กล่าวหาจริง คงมีการยื่นฟ้องดำเนินคดีไปแล้ว
2.เรื่องประสิทธิภาพการจัดหาวัคซีน และการให้บริการ ที่มีการโจมตีว่าล้มเหลว ข้อเท็จจริงคือ ไทยสามารถให้บริการวัคซีนโควิด 19 ได้ครบ 100 ล้านโดสตามเป้าหมาย เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม โดยมีอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อ ณ ช่วงเวลาที่มีการระบาดใหญ่ อยู่ในระดับที่ต่ำกว่านานาชาติ และยังมีผลวิจัยว่าลดการสูญเสียชีวิตประชาชนได้กว่า 5 แสนคน ช่วยให้ประชาชนรอดพ้นจากการเจ็บป่วยรุนแรง อีกเป็นจำนวนมาก โดยวัคซีนที่ไทยนำมาใช้ ผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์มหาวิทยาลัย ต่างยืนยันว่ามีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์จริง นอกจากนี้ ไทยยังได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนของ AstraZeneca ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศด้วย
3.เรื่องทุจริตการจัดหา ATK ข้อเท็จจริงคือ ปรากฏหลักฐานว่ามีความพยายาม จะล็อกสเปกการจัดซื้อ จนกระทั่งองค์การเภสัชกรรมต้องยื่นเรื่องกับ ปปช.ให้ตรวจสอบ จึงขอยืนยันความโปร่งใสขององค์การเภสัชกรรม
4.การทำงานของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไทยก้าวข้ามวิกฤตโควิด 19 ด้วยความบอบช้ำน้อยมาก เมื่อเทียบกับทั่วโลก จนได้รับยกย่องให้เป็นประเทศ ที่มีค่าความมั่นคงด้านสุขภาพสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย เป็นหนึ่งในประเทศที่ WHO ยกให้เป็นต้นแบบการรับมือกับ โรคระบาด และได้รับการยอมรับจากอาเซียน ให้เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียน ด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED)
“ขอยืนยันว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา บุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ ทำงานอย่างถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ส่วนบุคลากรที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส ให้ข้อมูลเท็จทำให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับความเสื่อมเสีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว”