POLITICS

กมธ.การบริหารงบฯ ทำหนังสือถึง นายกฯ ล้มประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี

กมธ.การบริหารงบฯ ทำหนังสือถึง นายกฯ ล้มประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี เปลี่ยนระบบให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม

นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ยกเลิกการประมูลโครงการบริหารและการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท โดยให้ประมูลใหม่ในระบบอีบิดดิ้ง เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม

นายไชยา กล่าวว่า กมธ.ตรวจสอบโครงการดังกล่าวแล้ว ได้ข้อยุติเกือบสมบูรณ์ โดยเห็นว่าทีโออาร์การประมูลรอบที่ผ่านมา ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการประมูลรอบที่ 2 ที่มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการและลดสเปกลงมา ขณะที่ผู้แทนกรมธนารักษ์ให้คำตอบไม่ชัดเจน ถึงเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงทีโออาร์

ด้านนายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำอีอีซี ประชุมแล้วหลายครั้ง โดยได้รับความร่วมมือเพิ่มเติมจากหลายหน่วยงานร่วมตรวจสอบ เพื่อให้มีชัดเจนในทุกประเด็น คาดว่าจะสรุปผลได้ทันภายในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ จากนั้นจะได้คำตอบว่าควรดำเนินการกับโครงการนี้อย่างไร

นายประภาศ ยังชี้แจงกรณีที่โครงการฯ ไม่ได้อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ว่า มีการออก พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2562 และ พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุฯ ปี 2562 โดย พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุฯ มาตรา 29 กำหนดไว้ว่า หากมีการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุ โดยโครงการมีมูลค่าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท จะอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุฯ จึงเป็นที่มาว่า กรมธนารักษ์ ต้องคัดเลือกเอกชนมาบริหารท่อส่งน้ำฯ ตาม พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุฯ ไม่ใช่ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ขณะที่ทรัพย์สินที่กรมธนารักษ์เป็นเจ้าของ คือ ท่อส่งน้ำดิบสายหลัก ทั้ง 3 สาย ที่อยู่ในที่ราชพัสดุ ดังนั้น ท่อจึงเป็นส่วนควบของที่ดินตามกฎหมาย มีสิทธิเปิดประมูล เพื่อหาผู้มาบริหารจัดการโครงการฯ ได้ โดยสัญญาจะสิ้นสุดปี 2566 ดังนั้น กรมธนารักษ์ต้องทำการเปิดประมูล ก่อนจะสิ้นสุดภายใน 2 ปี เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และต่อเนื่องของโครงการ

Related Posts

Send this to a friend