‘นิพิฏฐ์’ เผยออก ‘สร้างอนาคตไทย’ ปมควบรวม แย้มจะมีตามซบ พปชร. อีกกว่า 30 คน

‘นิพิฏฐ์’ เผยออก ‘สร้างอนาคตไทย’ เพราะปมควบรวม ซ้ำลดบทบาท ‘สมคิด’ แย้มจะมีทีมงานตามซบ พปชร. อีกกว่า 30 คน เชื่อหาก ‘ประยุทธ์’ เข้า ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ก็สู้พรรคที่มี ส.ส. เยอะแต่เดิมยาก

วันนี้ (13 ธ.ค. 65) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังพรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวเข้าร่วมงาน ณ ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ

ผู้สื่อข่าวถามนายนิพิฏฐ์ว่าได้พูดคุยกับ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ ตอบว่า ได้คุยแล้ว โดย พลเอก ประวิตร บอกว่าอยากให้ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ผ่านกลไกคณะกรรมการที่ท่านตั้งขึ้นมา และจะร่วมงานกับ ส.ส. อีกหลายคน ในส่วนการเตรียมความพร้อม นายนิพิฏฐ์ มองว่า ทุกพรรคยังคงมีคะแนนนิยมใกล้เคียงกันในพื้นที่ภาคใต้ และเนื่องจากเพิ่งเข้ามาในพรรค จึงยังไม่ทราบว่าตั้งเป้าว่าจะได้ ส.ส. ภาคใต้เท่าไร แต่จะสู้ให้เต็มที่

เมื่อถามว่า ประชาชนจะสับสนไหมว่าอยู่พรรคสร้างอนาคตไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ นายนิพิฏฐ์ ตอบว่า คิดว่าคงไม่สับสน และคิดว่าให้พรรคสร้างอนาคตชี้แจงเองดีกว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกับพรรคเดิม

นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวว่า ตอนอยู่พรรคสร้างอนาคตไทย มีหลักการอยู่ 2 หลัก คือ หนึ่ง ไม่สุดขั้วทางการเมือง และสอง มุ่งทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่พอมาสักระยะหนึ่งก็มีแนวคิดการควบรวมพรรคเกิดขึ้น ส่วนตัวไม่ขัดข้อง โดยเฉพาะเมื่อเข้าเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคเล็กโตยาก แต่การควบรวมต้องไม่ขัดแย้งกับหลักการ 2 ปัจจัยที่กล่าวข้างต้น

แต่ทางพรรคสร้างอนาคตไทย มีการเบี่ยงเบนเรื่องการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค เปลี่ยนแปลงบุคคลที่จะเสนอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ใช่เบอร์ 1 แต่เป็นเบอร์ 2-3 ไปแล้ว ซึ่งหากมีการควบรวมพรรคในลักษณะนี้คงไม่อาจสามารถทำงานร่วมกันได้อีก

นายนิพิฏฐ์ ยอมรับว่า ทีมงานพรรคสร้างอนาคตไทยจะตามมาอีก จำนวน 30 กว่าคน ซึ่งจะมีปัญหาทับซ้อนกับผู้สมัครเดิม จึงคงจะต้องไปคุยกับพรรคพลังประชารัฐอีกที

เมื่อผู้สื่อถามว่าจะสู้กับผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยหรือประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายนิพิฏฐ์ ตอบว่า คิดว่าสู้ได้เพราะการเมืองต้องเลือกด้วยความหวัง พรรคไหนมีความหวังมากกว่ามีโอกาสเป็นรัฐบาลมากกว่า

นายนิพิฏฐ์ ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับกระแสตอบรับต่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า ตอนนี้มีเงื่อนไขหลายประการ ที่แตกต่างจากเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 พรรคที่พลเอกประยุทธ์ ที่จะเข้าไปสังกัด ก็เป็นพรรคใหม่ ซึ่งไม่ง่ายที่จะแข่งขันกับพรรคที่มีจำนวน ส.ส. มากกว่าเดิม