‘อนุทิน’ ขอลูกหนี้อย่าเข้าใจผิด รัฐบาลไม่ได้ใช้หนี้แทน แค่ไกล่เกลี่ยให้
‘อนุทิน’ คุมเข้มผับบาร์ทั่วประเทศ ตรวจยาเสพติด เยาวชนห้ามเข้า – ขอลูกหนี้อย่าเข้าใจผิด รัฐบาลไม่ได้ใช้หนี้แทน แค่ไกล่เกลี่ยให้
วันนี้ (12 ธ.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าสถานบันเทิงว่า แต่ละจังหวัดมีเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ สถานบันเทิงก็จะต้องมีการตรวจสอบก่อน รายละเอียดยังไม่ทราบ โดยกระทรวงมหาดไทยได้ออกข้อสั่งการทั่วประเทศไปแล้ว ซึ่งกระทรวงเข้มงวดอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่
1.อายุไม่ถึงที่กำหนด
2.ถือครองอาวุธปืน
3.เรื่องยาเสพติด
ทั้งนี้การเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 06.00 น.ในช่วงเทศกาลปีใหม่ สถานบันเทิงที่อยู่ในพื้นที่ที่กระทรวงมหาดไทยอนุญาตต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หากสถานบันเทิงดังกล่าวไม่มีใบอนุญาต จะขายสุราได้ถึงเวลา 00.00 น. โดยสถานบริการต้องตรวจเข้มไม่ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้ ส่วนที่มีกลุ่มมูลนิธิเมาไม่ขับออกมาต่อต้าน ขอชี้แจงว่ารัฐบาลดำเนินการเพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่อให้ดื่มสุราเข้าสถานบริการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย แต่หลังออกจากสถานบริการก็ถูกตรวจแอลกอฮอล์ หากมีแอลกอฮอล์อยู่ในตัวก็โดนอยู่ดี ทุกคนจะต้องไม่ทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องรายงานตรงต่อตนเอง ทั้งที่ปรากฏและไม่ปรากฏข่าว
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ระบบในต่างจังหวัดที่เจ้าหนี้ไม่เกรงกลัวต่อการขึ้นทะเบียนหนี้นอกระบบ เราไม่ได้ชดใช้หนี้แทนลูกหนี้ ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจว่ารัฐบาลจะใช้หนี้แทน รัฐบาลเพียงแต่จะดำเนินการให้บุคคลที่มีความอ่อนแอ หรือถูกรังแก เราต้องพิจารณารายกรณี ซึ่งมีทั้งลงทะเบียนเข้ามา และมีเจ้าหน้าที่กระทรวงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบลูกหนี้ที่มีการลงทะเบียนเข้ามาเราจะดำเนินการสร้างความเป็นธรรมให้
โดยกรณีที่มีการเผยแพร่ เรายังไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว แต่เราจะพิจารณาเป็นรายกรณี รัฐบาลเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ย หากเจ้าหนี้ไม่ยอมก็จะมีการตรวจสอบรายละเอียดว่ามีการจ่ายหนี้เป็นระยะเวลาเท่าใด เกินอัตราของดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งมีวิธีเจรจา รัฐบาลไม่ได้เข้าไปข่มขู่ เพราะเรื่องเจ้าหนี้-ลูกหนี้เป็นความสมัครใจของคนทั้งสองฝ่าย แต่เมื่อมีการละเมิดกฎหมาย รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะดำเนินการให้ถูกต้อง
สำหรับกรณีที่เจ้าหนี้ต้องรอถึงเดือนมีนาคม เป็นการฟังรายละเอียดไม่ครบ และเป็นคนละประเด็นกัน ต้องปล่อยให้นายอำเภอไปหาวิธีการไกล่เกลี่ย ซึ่งแต่ละคนมีเทคนิคที่ไม่เหมือนกัน เราต้องรับฟังรายงาน
