กมธ.วิสามัญ ถก พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหาย เสร็จแล้ว หารือ ‘ชวน’ บรรจุวาระสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุม
กมธ.วิสามัญ ถก พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหาย เสร็จแล้ว หารือ ‘ชวน’ หวังบรรจุวาระสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุมสิ้นเดือน ก.พ.
วันนี้ (10 ก.พ. 65) เวลา 14.30 น. ณ อาคารรัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. พร้อมคณะ แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของคณะ กมธ. หลังจากพิจารณาร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเสร็จแล้ว โดยจะนำรายงานกราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุมนี้
นายชวลิต ชี้แจงว่า วันนี้หลังจากที่ผมลงนามหนังสือกราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ปกติเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ ก็จะถูกบรรจุอยู่ในลำดับแรกของวาระการประชุม แต่ก็ต้องไปดูว่ามีร่างกฎหมายอื่นค้างคาอยู่หรือไม่ก่อนปิดสมัยประชุม ต้องไปคุยกับ ผอ.สำนักการประชุมว่า ทำอย่างไรให้กฎหมายฉบับนี้ซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชนได้เข้าไปสู่การประชุมก่อนปิดสมัยประชุมต่อไป
“การกระทำผิดนั้นเห็นกันอยู่เป็นครั้ง ๆ พอเกิดเหตุครั้งใดก็จะฮือฮากันไปทั้งประเทศ อย่างกรณีผู้กำกับท่านหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ ที่สะเทือนขวัญพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ยังไม่นับเหตุในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีอยู่บ่อยครั้ง จนมี ส.ส. ชายแดนใต้มาร่วมในกรรมาธิการอยู่หลายท่าน” นายชวลิต กล่าว
ด้าน ดร. น้ำแท้ มีบุญสล้าง ที่ปรึกษา กมธ. กล่าวว่า กฎหมายที่ดีในการป้องกันซ้อมทรมานและอุ้มหาย จะต้องไม่มีแค่โทษทางอาญาเท่านั้น แต่จะต้องป้องกันประชาชนไม่ให้ถูกอุ้ม ไม่ให้ถูกเอาไปทรมาน หากมีการจับกุมจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทราบ และต้องมีการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการใช้กำลัง ทรมาน หรือนำไปในที่อื่น ๆ หากเจ้าหน้าที่ไม่กระทำตามที่กำหนดนี้จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งยังมีมาตรการลงโทษผู้ที่กระทำความผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้อำนาจทั้งฝ่ายปกครอง อัยการ และดีเอสไอ ในการสืบสวน สอบสวนคดีได้ทันที เพื่อป้องกันการบิดเบือนทำลายหลักฐานก่อนที่สภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปหรือก่อนที่พยานจะถูกบิดเบือนด้วยอิทธิพลหรือผลประโยชน์ใด ๆ
“นี่คือมาตรการใหม่ ๆ ที่กฎหมายนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันประชาชนไม่ให้ถูกทรมานและอุ้มหาย ในขณะเดียวกัน สามารถลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นมาตรการที่จะป้องกันและยับยั้งไม่ให้มีการกระทำเช่นนี้อีกต่อไป” ดร. น้ำแท้ กล่าว
นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงสังคม กฎหมายฉบับนี้จะให้ตามหาผู้ที่ถูกอุ้มหายไปก่อนหน้าให้พบได้ กฎหมายฉบับนี้จะไม่ยอมส่งตัวใครไปเสียชีวิตที่ต่างประเทศ
“นี่เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญต่อระบบกฎหมายไทย และจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก รวมทั้งยังเป็นหลักประกันให้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความดี และเป็นหลักประกันให้กับบุคคลที่ถูกกระทำ เป็นเหยื่อของการอุ้มหายและทรมาน และถูกย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นี่คือนิมิตหมายที่ดี” นายรังสิมันต์ กล่าว
ก่อนที่ในเวลาประมาณ 16:15 น. นายชวลิต จะเข้าพบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำหนังสือที่ลงนามแล้วกราบเรียน และหารือถึงการบรรจุวาระเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อนปิดการประชุมสมัยนี้ต่อไป