‘มงคลกิตติ์’ ร้อง ปปป. สอบการรถไฟ เปลี่ยนป้ายสถานีกลางฯ ด้วยวิธีเจาะจง
‘มงคลกิตติ์’ ร้อง ปปป. สอบการรถไฟ เปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ เป็นกรุงเทพอภิวัฒน์ ด้วยวิธีเจาะจง เข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อรัฐหรือไม่ ชี้ ไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องรีบเปลี่ยน เตรียมนำไปอภิปรายในสภาต้นเดือนหน้า
วันนี้ (10 ม.ค. 66) เวลา 11:00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พรรคไทยศรีวิไลย์ นำโดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรค เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท) กรณีการจัดซื้อจัดจ้าง ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง การก่อสร้างเปลี่ยนชื่อป้ายสถานีกลางบางซื่อ เป็น สถานีกลางอภิวัฒน์ วงเงิน 33.1 ล้านบาท ว่าอาจเข้าข่ายการจะกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 9-13 หรือไม่
นายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 ตามมาตรา 9 ถึง มาตรา13 และมาตรา 157 ซึ่งจะเป็นอำนาจการสืบสวนของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใน 30 วัน และส่งไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันแลปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะอนุไต่สวนเพียงอย่างเดียว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า โดยทั่วไปแล้ว การจัดซื้อจัดจ้างในวงเงินที่มูลค่าเกิน 500,000 บาทขึ้นไป ต้องใช้วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e – bidding) เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เว้นแต่กรณีที่มีความจะเป็นเร่งด่วน หรือฉุกเฉิน จึงสามารถใช้วิธีการเฉพาะจงได้ ส่วนการเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อนั้น ตนมองว่าไม่ใช่เหตุจำเป็นเร่งด่วนแต่อย่างใด แต่กลับเลือกใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจงแทน จึงตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่งหรือไม่
นายมงคลกิตติ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนี้จะเกี่ยวข้องกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือไม่ จะต้องมีการพิจารณาจากหนังสือสั่งการ ส่วนกระบวนการขอเปลี่ยนชื่อ หรือคนที่ขอให้เปลี่ยนนั้นมองว่าไม่ผิด แต่ผิดที่กระบวนการที่เร่งรีบเกินไป และไม่ใช้วิธี e-bidding ตามขั้นตอน ซึ่งจากที่ได้คุยกับผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างนั้น สามารถรื้อถอน ติดตั้งได้ด้วยวงเงิน 15 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องนำไปสู่การอภิปรายทั่วไปในสภา ตามมาตรา 152 ในช่วงต้นเดือนหน้าต่อไป
