POLITICS

‘นพดล’ ชี้ ไทยต้องรักษาสมดุลสัมพันธ์ ‘สหรัฐฯ-จีน’ ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก ยัน รบ. ไม่ช้า

วันนี้ (9 เม.ย. 68) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา นายนพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายเหตุผลการเสนอญัตติด่วน ว่า มิติการเมืองระหว่างประเทศ เรามีพื้นฐานการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศ คือ

1.ประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน เป็นกฎทองที่จะต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศ

2.ประเทศไทยเราเป็นประเทศขนาดกลาง เราจึงจำเป็นต้องมีหลังพิง โดยการใช้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎเกณฑ์กติการะหว่างประเทศ ที่ยึดกฎหมายเป็นหลัก ต้องยึดพหุภาคีนิยมมากกว่าการตัดสินใจแต่เพียงลำพัง

3.ความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจทั้งคู่ เราเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ เราอยากจะรักทั้งสองคน เราต้องดำเนินนโยบายที่มีความสมดุลกับความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ ไม่มีใครมาบังคับประเทศไทยให้ต้องเลือกข้าง เราต้องดำเนินนโยบายแบบนี้ต่อไป ตนคิดว่า อ่อนนอกแข็งใน คือนโยบายการต่างประเทศของไทย

4.ประเทศไทยจำเป็นต้องเป็นผู้นำ ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งในโลกอย่างแข็งขัน เปลี่ยนเราไม่เลือกข้าง แต่เราเป็นคนส่งเสริมตามบทบาทที่เราพึงเป็น

นายนพดล กล่าวถึงการดำเนินการของรัฐบาลภายหลังสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้า ว่า ชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่ดำเนินการอย่างทันการณ์และรอบคอบ ส่วนข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลเชื่องช้า สับสน หรือไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้เจรจานั้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ล่าช้า โดยได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาขึ้นแล้ว มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน พร้อมด้วยข้าราชการและผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วม และจากแนวทางที่รัฐบาลระบุว่าจะใช้ความรวดเร็วและแม่นยำ ตนเองเสนอว่าควรใช้นโยบายที่ไม่ชักช้า รวดเร็ว และรอบคอบ ดำเนินการอย่างมีเหตุผล มีชั้นเชิง และตามจังหวะที่เหมาะสม

“การเจรจาทั่วไป เราต้องรู้เขาและรู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ถ้าเรารู้เรา แล้วปล่อยให้เขามารู้ของเราด้วย หรือแบไต๋ รบร้อยครั้งก็แพ้ร้อยครั้ง หลายเรื่องซึ่งเป็นไพ่ในมือของรัฐบาล ไม่สามารถแถลงข่าวรายวัน หรือเสนอในโซเชียลมีเดียได้ และบางครั้งอาจทำให้ฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเห็นว่า รัฐบาลไม่มีแนวทาง หรือไม่มีการดำเนินการใดๆ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย ในฐานะที่เคยเป็นรัฐมนตรีและเคยเจรจาระหว่างประเทศมาแล้ว หลายเรื่องเราไม่สามารถเปิดเผยก่อนได้ จึงอยากขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลว่า เราไม่ได้ต้องการปกปิดใด ๆ” นายนพดล กล่าว

สำหรับยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการเจรจา นายนพดล กล่าวว่า ไม่มีความกังวล และย้ำว่าการเจรจาไม่สามารถสำเร็จได้ในวันเดียว เพราะต้องมีการเจรจาในหลายระดับและต้องใช้เวลา โดยมองว่าการเจรจาต้องได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หรืออย่างน้อยต้องไม่เสียทั้งหมด และยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

Related Posts

Send this to a friend