จับตา! ประชุมสภาฯ พิจารณางบประมาณ 2565 นายกฯ และ ครม.พร้อมชี้แจง
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2565 ที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 31พ.ค.- 2 มิ.ย.64 เป็นที่จับตาอย่างมาก ซึ่งวันแรกที่จะเริ่มในเวลา 09.30 น. ในส่วนรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมชี้แจงรายละเอียดถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 ในวาระที่ 1 ในช่วงวันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2564 นี้
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับคณะรัฐมนตรีในการประชุม ครม.ครั้งที่ผ่านมาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า การประชุมสภาฯในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการชี้แจงให้ ส.ส.ทราบถึง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในรายละเอียดแล้ว ยังถือเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะสร้างการรับรู้ และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อได้รับทราบถึงการจัดทำงบประมาณในครั้งนี้ด้วย และย้ำให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงเข้าร่วมประชุมสภาฯ เพื่อชี้แจงข้อสงสัยของ ส.ส. และสื่อสารให้ประชาชนได้รับทราบไปในคราวเดียวกัน
สำหรับวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 3.1 ล้านล้านบาทประกอบด้วยรายจ่ายประจำ จำนวน 2,360,543 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.15 ของวงเงินงบประมาณ สำหรับรายจ่ายลงทุนมีจำนวนทั้งสิ้น 624,399.9 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.14 ของวงเงินงบประมาณ ซึ่งน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลที่มีจำนวน 7 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม การที่งบประมาณรายจ่ายลงทุนมีจำนวนน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปี ไม่เป็นปัญหาในการจัดงบประมาณในครั้งนี้แต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลสามารถเพิ่มแหล่งเงินลงทุนของประเทศในช่องทางอื่นนอกเหนือจากงบประมาณรายจ่าย ซึ่งประกอบด้วย
1. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership: PPP) ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 คาดว่าจะมีโครงการตามแผนการจัดทำโครงการร่วมลงทุนในปี 2565 รวม 52,320.63 ล้านบาท
2. กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) ซึ่งในปีงบประมาณพ.ศ. 2565 ประมาณการแผนการใช้จ่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 9,983.98 ล้านบาท
3. การใช้เงินกู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งสิ้น 109 รายการ วงเงินรวม 91,705.5119 ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณพิจารณาแล้วว่าเป็นรายการลงทุนที่มีความพร้อมในการดำเนินการ ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมและสามารถใช้จ่ายจากเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้
นอกจากนี้ หากจำแนกงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ จะเห็นได้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ที่มีสัดส่วนสูงสุดที่ร้อยละ 23.67 ตามด้วยยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลย์และพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ที่มีสัดส่วนร้อยละ 18.05 และด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ที่มีสัดส่วนร้อยละ 17.68
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเน้นว่า นายกรัฐมนตรีจะได้ใช้โอกาสนี้ ชี้แจ้งหลักการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน และให้ความสำคัญในการดำเนินนโยบายภายใต้แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติจากสถานการณ์โควิด – 19 (พ.ศ. 2564 – 2565) รวมทั้งแผนปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) โดยได้พิจารณาทั้งแหล่งเงิน ศักยภาพหน่วยงาน และได้ดำเนินการภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องครบถ้วนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
สำหรับการประชุมมีขึ้นท่ามกลางมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวย้ำถึงมาตรการป้องกันโควิด-19 ในการประชุมสภาเพื่อพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ในพรุ่งนี้ ว่าได้มีการเน้นย้ำไปยังทุกกระทรวง ทบวง กรม ให้จำกัดบุคคลที่จะเดินทางมายังสภา ส่วนข้อมูลก็ให้ส่งแบบออนไลน์
ทั้งนี้ ในห้องประชุมก็ได้เน้นย้ำให้ทุกคนใส่หน้ากากตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ได้มีการจัดโพเดียม เฉพาะสำหรับบุคคลที่ไม่สามารถอภิปรายโดยใส่หน้ากากได้เป็นเวลานาน มีลักษณะเป็นตู้กระจกใส และ เมื่อจบอภิปรายก็จะมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกครั้ง พยายามคุมเข้มให้ได้ 100% เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เกรงจะเกิดปัญหาตามมาภายหลัง จึงคุมเข้มแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด
เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีก็มีการจัดโพเดียมไว้ให้เช่นเดียวกัน แต่หากไม่ใช้โพเดียมก็จะต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา มาตรการทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างเข้มงวด เพราะทุกคนมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อได้
นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือ ส.ส. ไม่ควรนั่งติดกับผู้ที่กำลังอภิปรายแม้จะเข้าใจว่าต้องการอยากจะออกทีวีก็ตาม แต่ก็ต้องรักษามาตรการเว้นระยะห่าง ซึ่งตนเองก็ได้เตือนไปแล้ว
สำหรับการลงมติ หรือการนับองค์ประชุมที่ทุกคนจะต้องอยู่ในห้องประชุม กรมควบคุมโรคได้แนะนำว่าไม่ควรอยู่ในห้องประชุมนานเกิน 15 นาที ซึ่งการลงมติในการพิจารณางบประมาณ จะมีเพียงครั้งเดียวคือจะรับหลักการหรือไม่ แต่จะไปวุ่นวายในช่วงวาระที่สอง ก็หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะต้องลงมติทุกมาตรา