POLITICS

‘สว.ประภาศรี’ ติง รัฐบาลควรเปลี่ยนการแจกเงิน ไปสร้างงานสร้างอาชีพ

วันนี้ (11 ก.ย. 66) นางประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายว่า ขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกท่านที่สามารถเข้ามาบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหวังว่าช่วงเวลาที่เหลือของวุฒิสภาที่มีอยู่ไม่มากจะสามารถร่วมทำงานกับรัฐบาลอย่างราบรื่น

นางประภาศรี กล่าวต่อว่า ตนเองไม่เห็นนโยบายชัดเจนที่จะต่อสู้กับความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม อยากให้ทำเป็นวาระแห่งชาติ ให้ประเทศเราหลุดพ้นจากเป็นประเทศด้อยพัฒนามาเป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเราติดกับประเทศกำลังพัฒนามานานกว่า 20 ปี หลายรัฐบาลไม่สามารถนำพาประเทศไปถึงประเทศที่พัฒนาแล้ว หากรัฐบาลชุดนี้สามารถทำให้ประเทศพ้นกับดักนี้ จะถือว่าเป็นรัฐบาลที่วิเศษที่สุด ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือการนำรายได้ต่อหัวต่อเดือนมาคิด โดยไม่ใช่ 600 บาทต่อวัน แต่ต้องได้ถึง 40,000 บาทต่อเดือนต่อคน ถึงจะนับว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งจากรายงานการแถลงนโยบาย ประชาชนยังเป็นหนี้สิน 300,000 บาทต่อครัวเรือน รวมทั้งคนที่ยากจนต้องการความช่วยเหลือ 14 ล้านคน ดังนั้น จะต้องมีนโยบายที่พุ่งเป้าไปในทางการขจัดหนี้สินแต่ละครอบครัว ที่ไม่ใช่การจ่ายเงินลงไป

นอกจากนี้ นางประภาศรี ระบุว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการแจกเงิน ไม่ว่าจะรัฐบาลไหน ก็จะบอกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่มองว่ากำลังสร้างประชาชนให้ติดนิสัยการรอรับเงิน ทำให้ประชาชนอ่อนแอ และดูถูกประชาชน มีแต่โยนเงินให้ ทำให้ไม่สามารถสร้างอาชีพ สร้างความเป็นอยู่ได้เอง จึงขอตำหนิในเรื่องนี้ อยากให้ไปสร้างอาชีพให้กับประชาชน ให้มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์มากกว่าการรอรับเงิน และอีกเรื่องที่ต้องประกาศเป็นวาระแห่งชาติคือการต่อต้านคอร์รัปชั่น การซื้อขายตำแหน่งในวงราชการ ต้องให้ประชาชน องค์กรภาคประชาชน มีส่วนรับรู้ และมีส่วนร่วมในการป้องกันการคอรัปชั่นรวมทั้งการโยกย้ายตำแหน่งที่มีการซื้อขาย

นางประภาศรี กล่าวทิ้งท้ายว่า สุดท้ายอย่าทิ้งอีสาน เพราะภาคอีสานมีการพัฒนาช้ามาก หลังจากพัฒนา ECC ทำให้กรุงเทพฯ เจริญขึ้นประชาชนก็จะย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในจังหวัดที่เจริญ แล้วทำให้จังหวัดนั้นนั้นยากจนยิ่งขึ้น อยากให้ประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีงานทำ

Related Posts

Send this to a friend