POLITICS

‘เศรษฐา’ แจงสภาฯ แก้ รธน.ไม่แตะหมวด 1 – 2 ยันสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

‘เศรษฐา’ ชี้แจงต่อสภาฯครั้งแรก ยืนยันแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 พักหนี้เกษตรกรพร้อมแนวคิด “การตลาดนำนวัตกรรมเสริม” ทำได้ดีกว่า 9 ปีที่ผ่านมา เคาะเงินดิจิทัลระยะ 4 ตร.กม.ตามบัตรประชาชน ระยะเวลา 6 เดือน ยันค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ปริญญาตรี 25,000 บาท ยืนยันสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

วันนี้ (11 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบายรัฐบาลเป็นครั้งแรก โดยระบุว่า ขอขอบคุณทุกความเห็นที่ให้คำแนะนำ ทั้งสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มอบให้กับรัฐบาลในวันนี้ ในการดำเนินนโยบาย รัฐบาลจะยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และประชาชนของรัฐบาลนี้ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ทั้งคนเมือง ต่างจังหวัด ทุกฐานะ ทั้งภาคเอกชนและราชการอย่างทั่วถึง

นายเศรษฐา ชี้แจงในประเด็นแรกเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าเราจะไม่แก้ไขหมวดหนึ่งและหมวดสองว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะดำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องการพักหนี้ของเกษตรกร ท่านทราบหรือไม่ว่าในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา มีการพักหนี้ไปแล้วกี่หน ถูกต้องที่ทุกท่านมีความเป็นกังวลว่าเมื่อมีการพักหนี้แล้วจะไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เราตระหนักดีในเรื่องนี้ จึงมีมาตรการหลายอย่างเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายในเวลา 4 ปี ด้วยการใช้ “การตลาดนำนวัตกรรมเสริม” เพิ่มรายได้ควบคู่ไปกับการพักหนี้ เพื่อทำให้เกษตรกรหายใจได้ ลืมตาอ้าปากได้ เป็นช่วงที่เขาฟื้นฟูตัวเอง ทำให้เขามีกำลังใจในการที่จะกลับมาแก้ไขปัญหาประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ซึ่งการพักหนี้หนนี้จะทำประโยชน์มากกว่าการพักหนี้ที่เกิดขึ้นมาในอดีต 9 ปีที่ผ่านมา

นายเศรษฐา ชี้แจงในประเด็นเกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เรื่องระยะทาง 4 กิโลเมตรของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องที่เราตระหนักดีว่าในชนบทอาจจะมีร้านค้าไม่เพียงพอ ตนจะขอไปดูรายละเอียดและดำเนินงานให้เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง ตามคำแนะนำของท่านสมาชิก

เรื่องระยะเวลาในการใช้ 6 เดือน เป็นเรื่องจำเป็น เราต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงระยะเวลาสั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นระยะเวลาในการใช้เงินจำนวนนี้เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก มีบางคนบอกว่าอยากให้ยกเลิกการใช้รัศมี 4 กิโลเมตร ตนขอเรียนว่าเศรษฐกิจภูมิภาคต้องการการกระตุ้น ถ้าเกิดคนที่มีถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดใดก็ควรกลับไปใช้ที่นั่น มีเวลา 6 เดือน กลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ทำให้สถาบันครอบครัวแข็งแกร่งขึ้นก็ดี ดังนั้นเรื่อง 4 ตารางกิโลเมตร ตามบัตรประชาชนก็ขอคงไว้ ยกเว้นในบางจังหวัดหรือบางพื้นที่อาจต้องมีการขยาย ตามที่ได้เรียนไปเบื้องต้นว่าต้องขอดูอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะผลักดันให้มีการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว รัฐบาลมีแผนที่จะทำอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นการขอวีซ่าเข้ามาของบางประเทศ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่

“การท่องเที่ยวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อเป็นการนำเงินเข้ามาในประเทศ ทำให้ภาคท่องเที่ยวของเราเติบโตอีกครั้ง ตั้งเป้าสร้างเงินรายได้ประมาณ 3 ล้านล้านบาทต่อปี” นายเศรษฐา กล่าว

ส่วนประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ นายเศรษฐา ระบุว่า สมควรได้รับการปรับให้เร็วที่สุด และตั้งเป้าหมายว่าเราจะทำให้เศรษฐกิจโตเฉลี่ยปีละ 5% ตลอด 4 ปี ซึ่งจะทำให้ค่าแรงขึ้นไปได้ถึง 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน

ส่วนเรื่องราคาค่าพลังงาน เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นเรื่องที่เราตระหนักดีว่า เรื่องการลดค่าใช้จ่ายราคาพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ เรามั่นใจว่าจะทำให้ราคาค่าพลังงานต่ำลงอย่างมีนัยยะสำคัญได้ ซึ่งรัฐมนตรีจะมาช่วยตอบในส่วนนี้

นายเศรษฐากล่าวว่า มีคำถามเกี่ยวกับประเด็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน นายเศรษฐา ยืนยันว่า “ยังคงมีอยู่”

เรื่องทรัพยากรธรรมชาติ เช่น เรื่องที่ดินต่างๆ ที่ต้องจัดสรรเพื่อให้ประชาชนสามารถสร้างประโยชน์ทำมาหากินได้ ซึ่งจะต้องดูทั้งที่ดิน สปก. รวมถึงที่ดินของหน่วยงานราชการอื่นๆ ผ่านรูปแบบที่เหมาะสม ทำให้พี่น้องมีที่ดินทำกิน อย่างมีศักดิ์ศรี

ประเด็นเรื่องน้ำใน EEC เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สมาชิกหยิบยกขึ้นมาอย่างน่าสนใจ นายเศรษฐาย้ำว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลอย่างเหมาะสมในทุกมิติ ระหว่างภาคเกษตร อุตสาหกรรม การอุปโภคบริโภค และรักและรักษาไว้ซึ่งความสมดุลย์ของระบบนิเวศ

ส่วนการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 แน่นอนว่าอีก 5 เดือนจะเข้าสู่ช่วงวิกฤตอีกแล้วในพื้นที่ภาคเหนือ เราจะเริ่มทำโดยเร็วเพื่อให้เกิดผลได้ภายในต้นปี ดำเนินการส่วนที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ และเรื่องอื่นก็ค่อยๆพัฒนาไปตามขีดจำกัดของงบประมาณที่สามารถทำได้

นายเศรษฐา ขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความโปร่งใส จะนำระบบดิจิทัลมาใช้ให้มากขึ้นเพื่อลดการทุจริตประพฤติมิชอบ และจากนั้นนายเศรษฐาได้มอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ตอบคำถามในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

Related Posts

Send this to a friend