POLITICS

‘ชัยธวัช’ เผย ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ จับมือแน่น ปิดทางรัฐบาลเสียงข้างน้อย

‘ชัยธวัช’ เผย ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ จับมือกันแน่น ปิดทางรัฐบาลเสียงข้างน้อย ยัน 8 พรรคร่วมไม่มีแตกแถว

วันนี้ (15 ก.ค. 66) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการหารือร่วมกันกับพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ว่า พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 19 ก.ค.66 นี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะนำไปหารือ เราพูดคุยกันในหลายเรื่อง ทั้งการหาวิธีป้องกันเนื่องจากมีกระแสข่าวว่าอาจมี ส.ว.บางคน พยายามเสนอให้มีการตีความข้อบังคับการประชุมของรัฐสภาว่าการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จะสามารถทำซ้ำได้หรือไม่ เราเห็นตรงกันว่า ไม่สามารถตีความข้อบังคับแบบนั้นได้ เพราะข้อบังคับนั้นมีไว้สำหรับญัตติทั่วไป แต่การเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นกรณีเฉพาะ ซึ่งกำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญว่าหากไม่สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำได้ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้ ฉะนั้นการตีความแบบนั้นคงไม่ถูก ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อแข่งจากเสียงข้างน้อยคงมีหารือกันหลายเรื่อง ถึงวิธีการที่จะทำให้ได้เสียงสนับสนุนมากขึ้นในการประชุมครั้งต่อไป

ส่วนกรณีที่อาจจะมีการเสนอชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแข่งกับนายพิธาก็มีการพูดคุยกัน เป็นภารกิจของ 8 พรรค โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยที่จะจับมือกันให้แน่น เพื่อไม่ให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทั้งนี้ได้ตกลงกันว่าจะมีการนัดประชุมพรรคร่วม 8 พรรค ในเช้าวันอังคารที่ 18 ก.ค.นี้ ซึ่งตอนนี้กำลังประสานงานกัน

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขัดข้องเรื่องนี้ เพราะเราผลักดันเรื่องนี้มาหลายครั้งในสภาฯ เมื่อถามอีกว่า ด้วยระยะเวลาจะทันภายใน 1 เดือนหรือไม่ เพราะมีการมองว่าอาจใช้เวลาถึง 4 เดือน นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ขนาดนั้น ต้องเข้าใจว่า เป็นข้อเสนอทางเลือกที่คู่ขนานกันไปกับกระบวนการเลือกนายกฯ เพราะเราไม่รู้ว่าการเลือกนายกฯ ต้องเลือกอีกกี่ครั้ง เราจึงเสนอทางออกว่า หาก ส.ว. ไม่ประสงค์ใช้สิทธิงดออกเสียง หรือไม่เข้าร่วมประชุม แบบนี้จะนำมาสู่ทางตันทางการเมือง ดังนั้นเราจึงเสนอทางเลือกให้ ด้วยการปิดสวิตซ์ ส.ว. เพื่อคืนอำนาจในการเลือกนายกฯ ให้กับประชาชน เพราะจะไม่นำมาสู่ทางตันด้วย เรื่องนี้ทำคู่ขนานกันได้ หากสามารถนัดประชุมสภาฯ ได้เร็ว ซึ่งเป็นอำนาจของประธานสภาฯ และผ่านวาระ 1 ได้ ก็ใช้เวลาเพียง 3-4 สัปดาห์ก็เสร็จ แน่นอนว่าจะต้องใช้เสียง ส.ว. 84 เสียง

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าในที่ประชุมเจรจามีการพูดคุยถึงกรณีหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ กกต.ในสัปดาห์หน้าที่อาจกระทบต่อการโหวตนายกฯ หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ได้คุยเรื่องดังกล่าว เราเข้าใจดีอยู่แล้วว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน อย่างเมื่อปี 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ยังสามารถเสนอชื่อและโหวตในสภาฯ ได้ตามปกติ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน ไม่ว่าใครก็ตามที่มีข้อกล่าวหา เราก็ต้องถือหลักสันนิษฐานไปก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยถึงที่สุด

นายชัยธวัช คิดว่าเรื่องนี้มีความพยายามเชื่อมโยงที่ไม่เหมาะสม คิดว่าการกระทำใด ๆ ในทางการเมืองต้องมีผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว หรือมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยว เพราะในอดีตมีผู้ที่มีตำหนิ หรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แล้วถูกตรวจสอบในภายหลังว่าไม่มีความเหมาะสม บกพร่อง ทุจริต คอร์รัปชั่น และขาดคุณสมบัติ ซึ่งเป็นเรื่องกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลในระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว พระมหากษัตริย์ไม่เกี่ยว ทรงใช้อำนาจปกเกล้าในฐานะประมุขของรัฐ ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ควรไปผูกโยงเรื่องดังกล่าว เพราะไม่เหมาะสมที่จะพูด

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยระบุว่า พร้อมร่วมงานกับทุกพรรค ขอแค่ไม่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือเป็นสัญญาณการแตกแถวของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปตีความขนาดนั้น ตนเองคิดว่า ใน 8 พรรค คงต้องพูดคุยกันเรื่อย ๆ ประเมินสถานการณ์เป็นระยะ อาจจะมีข้อเสนอใหม่ ๆ เข้ามา เพื่อให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลได้จริง ทุกข้อเสนอและทุกความคิดเห็น สามารถนำมาถกเถียงแลกเปลี่ยนกันได้

Related Posts

Send this to a friend