‘วีระ‘ โต้ ‘เสกสกล‘ พาดพิงเอี่ยวร่วมแก๊งตบทรัพย์ ยัน ไม่รู้จัก ’เอกลักษณ์‘ เป็นการส่วนตัว
‘วีระ‘ โต้ ‘แรมโบ้ เสกสกล‘ พาดพิงเอี่ยวร่วมแก๊งตบทรัพย์ ยืนยัน ไม่ได้รู้จัก ’เอกลักษณ์‘ เป็นการส่วนตัว แค่รับเรื่องร้องเรียน เชื่อ ถูกพาดพิงถึง เพราะไม่ยอมถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาทให้
วันนี้ (7 ก.พ. 67) นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) กล่าวถึงกรณีที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ อีสาน นำหลักฐานเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน หลังจากเคยถูกนาย อ. ที่อยู่ในขบวนการตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ข่มขู่ กรรโชกทรัพย์มูลค่าหลายแสนบาท ตั้งแต่ปี 2565 – 2566 และมีการพาดพิงว่านาย ว. มีส่วนร่วมกับขบวนการตบทรัพย์ด้วย
สำหรับเรื่องดังกล่าวนายวีระ ได้ตอบปฏิเสธกับสื่อมวลชนว่า ไม่ได้รู้จักกับนายเอกลักษณ์ เป็นการส่วนตัว แต่รู้จักผ่านนายไทกร พลสุวรรณ ซึ่งนายไทกร พานายเอกลักษณ์มาร้องเรียนกับตนเอง เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2564 ว่านายเสกสกล มีการเรียกรับเงินจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อวิ่งเต้นการประกวดราคาโครงการรัฐ ของ กทม. ก่อนที่นายเอกลักษณ์จะเงียบหายไป และไม่สามารถโทรติดต่อได้ ซึ่งตนเองจึงได้ถามนายไทกร ว่าทำไมถึงไม่มีการร้องเรียนในเรื่องนี้ต่อ โดยนายไทกร บอกกลับมาว่า ขอให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป เพราะนายเสกสกลเป็นพรรคพวกกับคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ ตนเองเห็นว่าเมื่อ คนร้องไม่สนใจติดตาม ตนเองก็ไม่ร้องเรียนต่อ แต่ปรากฏว่า เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2566 นายเอกลักษณ์ก็กลับมาติดต่อกับตนอีกครั้ง และบอกว่า ทนไม่ไหว เพราะนายเสกสกลไม่ยอมชดใช้เงินที่มีการเรียกรับจากตนเองคืน และขอให้ตนเองช่วยร้องเรียนในเรื่องการทุจริตต่อ ตนจึงพานายเอกลักษณ์ไปหานายเสกสกลถึงทำเนียบรัฐบาล แต่นายเสกสกลกลับไม่ออกมาชี้แจงอะไรในประเด็นดังกล่าว รวมทั้งไปแถลงข่าวกล่าวหาว่าตนเองเป็นพวกกรรโชกทรัพย์ในแก๊งร่วมกับนายเอกลักษณ์ เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 66 และแจ้งความตนเองในข้อหาหมิ่นประมาท ตนจึงเข้าแจ้งความนายเสกสกลกลับ ในข้อหาหมิ่นประมาทเช่นกัน ที่กล่าวหาว่าตนเองเป็นขบวนการตบทรัพย์ร่วมกับนายเอกลักษณ์ และตำรวจส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้อง ซึ่งนายเสกสกล ได้ขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหามาโดยตลอด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา ทนายความของนายเสกสกล ได้ติดต่อมาพูดคุยกับตน ในเรื่องการถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาท แต่ตนเองไม่ยอมถอนฟ้องให้ จึงเชื่อว่าการที่นายเสกสกลเดินทางมาให้ข้อมูลกับตำรวจ ปปป. และพาดพิงถึงนาย ว. ที่พยายามจะสื่อถึงตนเอง เป็นเพราะตนไม่ยอมถอนฟ้องให้ ส่วนที่กล่าวหาว่าตนเองตกเป็นเครื่องมือของนายเอกลักษณ์ ยืนยันว่า เป็นเพียงผู้รับเรื่องร้องเรียนเท่านั้น ไม่ได้ร่วมขบวนการกับนายเอกลักษณ์ และไม่ได้ตกเป็นเครื่องมือตามที่กล่าวอ้าง
