POLITICS

‘อนุชา‘ จี้รัฐพูดให้ชัดผลักดัน SEC แล้วใช้แลนด์บริดจ์เป็นแค่สับเซตด้านโลจิสติกส์

ฝากนายกฯ หนีบ รมต.อุตสาหกรรมไปขายโปรเจคด้วย เชื่อถ้าชาวบ้านไม่เอาก็สร้างไม่ได้ ’สส.ชุมพร’ ชี้ประชาชนในพื้นที่ยังขาดการรับรู้-ความเข้าใจโครงการ

วันนี้ (3 ก.พ. 67) ที่ห้องสมุดศูนย์การศึกษาอโศกแคมปัส มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมป์ฟอร์ด มีการจัดงานสัมมนาวิชาการหัวข้อเรื่อง “Landbridge SEC โอกาสทางเศรษฐกิจและธุรกิจไทยสู่ระดับโลก” โดยมี นายอนุชา บูรพชัยศรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ รองประธาน กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร พร้อม นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมกันให้ความรู้กับนักศึกษาปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด

นายอนุชา กล่าวว่า โครงการนี้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ซึ่งโครงการลักษณะนี้เริ่มมากกว่า 30 ปีแล้วที่ได้คิดกันอยู่ว่าจะเชื่อมสองฝั่งทะเลอย่างไร ซึ่งเดิมเคยมีโครงการต่างๆมาเยอะ แต่ก็พับไปเพราะชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วยในการพัฒนาโครงการลักษณะนี้ เช่นเดียวกับโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง ที่รัฐบาลผลักดันอยู่ในเวลานี้ สืบเนื่อง จากยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดให้รัฐบาลต้องลงทุนเพื่อเพิ่มดัชนีทางเศรษฐกิจ ทำให้หลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง แต่หากคนในพื้นที่ไม่ต้องการส่วนตัวก็คิดว่าทำไม่ได้

นายอนุชา มองว่า สิ่งที่รัฐบาลควรจะพูดให้ชัดคือต้องการให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้ หรือ SEC แล้วใช้แลนด์บริดจ์เป็นเพียงซับเซตด้านโลจิสติกส์ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพราะ SEC จะสร้างโอกาสให้เกิดฐานการลงทุนธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ในระดับโลก สร้างโอกาส สร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนไทย

“เราต้องช่วยกันปรับความคิดของคนไทยว่าโครงการนี้จะคุ้มหรือไม่คุ้ม แต่ต้องถามว่าโครงการ SEC จะเกิดหรือไม่เกิด เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าโครงการ SEC ไม่เกิดก็ไม่ต้องมีแลนด์บริดจ์ เพราะแนวคิดที่จะขนส่งระหว่างท่าเรือเพื่อที่จะลดเวลา ผมคิดว่าคอนเซ็ปต์ที่จะลดเวลาในการอ้อมแหลมมะละกา เป็นเพียงคอตเซ็ปต์ทางด้านคมนาคมอย่างเดียว …หากเรามองภาพอนาคตว่ามีนิคมอุตสาหกรรมระหว่างทางของแลนด์บริดจ์ผลิตสินค้าเพื่อส่งออก แล้วใช้นิคมอุตสาหกรรมในการแปรรูปสินค้าและส่งออกไปยังภูมิภาคที่อยู่ในฝั่งมหาสมุทรทั้งสองอย่างเป็นประโยชน์ นายอนุชา กล่าว

นายอนุชา ยังกล่าวว่า ที่หลายคนบอกว่าจะเอาผลการศึกษาของ สนข.ผลการศึกษาความเป็นไปได้มาดูนั้น มันขึ้นอยู่กับสมมุติฐานเท่านั้น เราจะไปอ่านเพียงหน้าสุดท้ายว่าควรทำหรือไม่ควรทำไม่ได้ แต่ต้องไปดูว่าสมมุติฐานของการศึกษานั้นเป็นอย่างไร เพราะเราจำเป็นต้องใช้สมมุติฐานนี้ในการขอทุนเพื่อการลงทุน

นายอนุชา ยังพูดถึงโอกาสในการเกิดโครงการนี้นั้น ตนยังมองว่าไม่สามารถพูดได้ เพราะโครงการนี้มันใหญ่กว่าเรื่องโลจิสติกส์ จะได้ไม่ต้องถกเถียงกันว่าจะมีเรือเข้ามากี่ตู้ ที่ท่าเรือไหน การขนส่งระหว่างกันจะคุ้มหรือไม่ สิ่งพวกนี้หากต่างชาติสนใจก็ให้เขาไปศึกษาได้ แต่เราต้องถอยกลับมาแล้วมาเน้นว่า ‘เราจะเอา SEC หรือเปล่า’ หาก SEC ไม่เกิด ตนคิดว่าแลนด์บริดจ์ไม่ต้องไปสร้าง แล้วก็ไม่ต้องไปขายของให้กับต่างชาติ เพราะหากขายของให้กับต่างชาติก็จะกลับมาที่ประเด็นโลจิสติกส์เหมือนเดิม

“เราต้องกลับมาปรับมายด์เซ็ทของตัวเอง ว่าเวลาเราไปต่างประเทศแล้วเราจะพูดถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเรา เราจะชวนนักลงทุนเข้ามาในอนาคต ให้ชวนเขามาลงทุนใน SEC ดีกว่าหรือไม่ ไม่ต้องเชิญชวนเขามาลงทุนในแลนด์บริดจ์ เหมือนกับการที่เราไปชวนเขามาลงทุนใน EEC ช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา

เราไม่เคยไปชวนว่าเขาจะมาลงทุนในสนามบินอู่ตะเภาหรือไม่ หรือมาลงทุนในมอเตอร์เวย์ประเทศไทย รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน แต่เราไปขายของว่าเราจะมี EEC เรามีอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างไร แล้วเมื่อนักลงทุนถามว่าหากมาลงทุนแล้วเราจะมีโครงสร้างพื้นฐานอะไรบ้าง หนึ่งในนั้นเราค่อยพูดเป็นแลนด์บริดจ์ เพราะฉะนั้นขอให้เปลี่ยนคำถามว่าแลนด์บริดจ์จะเกิดกี่เปอร์เซ็นต์ เป็น SEC จะเกิดหรือไม่เกิด ถ้าเกิดแล้วจะเป็นอุตสาหกรรมอะไร จะรองรับการเติบโตของโลกหรือไม่ และหากจะมาถกเถียงเรื่องนี้ในประเทศเราเองเราจะมีประโยชน์มากกว่ามานั่งพูดเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ว่าจะคุ้มหรือไม่คุ้ม

ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะในเวทีใด ตนก็จะสนับสนุน SEC แล้วเอาแลนด์บริดจ์มาเป็นซับเซต จากนี้ผมอยากเห็นนายกรัฐมนตรีหนีบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมไปขายโครงการนี้ไปด้วย ว่าเรามีแนวโน้มจะผลักดันอุตสาหกรรมอะไร มากกว่าหนีบแค่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไป“ นายอนุชา กล่าว

ด้าน นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวช่วงหนึ่งว่า โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจคนทั้งประเทศและเป็นที่จับจ้องของคนทั่วโลกในเรื่องโอกาสทางเศรษฐกิจเพราะฉะนั้นในจังหวัดชุมพรเมื่อมีโครงการใหญ่ย่อมมีคนที่รับได้และรับไม่ได้แต่ตนเชื่อว่า ภาครัฐต้องจริงใจในการบอกข้อมูลต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ยอมรับว่า ชาวจังหวัดชุมพรยังรับรู้เรื่องนี้อยู่น้อยมาก โดยเฉพาะปัญหาเรื่องมลพิษ การสร้างแล้วจะคุ้มทุนหรือไม่ และในส่วนพื้นที่เป้าหมายจริงๆ ชาวบ้านยังไม่ค่อยรับรู้ข้อมูลจริง พวกเขาจึงคัดค้านเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นโครงการนี้จะเกิดหรือไม่เกิดอยู่ที่ภาครัฐนำความรู้ความเข้าใจไปให้ชาวบ้าน ชี้แจงชัดเจนในเรื่องที่พวกเขาจะเสียโอกาส เสียผลประโยชน์ ทั้งเรื่องที่ดิน เรื่องมลพิษ และผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้นในท้องที่

Related Posts

Send this to a friend