นายกฯ ชี้ ทัศนศึกษาไม่ทำร้ายเด็ก ปัญหาอยู่ที่รถ ‘สุริยะ’ ถือโอกาสสังคายนาระบบใน 60 วัน
นายกฯ เผย สตช. เตรียมส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับ จ.อุทัยธานี บ่ายนี้ ชี้ ทัศนศึกษาไม่ทำร้ายเด็ก แต่รถไม่ได้ดูแล ด้าน ‘สุริยะ’ ถือโอกาสสังคายนาระบบใน 60 วัน ส่วน ’สมศักดิ์’ ส่งนักจิตวิทยาเยียวยาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
วันนี้ (2 ต.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังรับฟังรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาของคณะครู และเด็กนักเรียนเกิดเหตุเพลิงไหม้ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ และสามารถระบุได้แล้วว่าใครเป็นใคร และจะลำเลียงส่งกลับจังหวัดอุทัยธานีซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มีการเยียวยา และตรวจสอบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งจะประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นเดียวกัน ส่วนกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งจิตแพทย์เข้าไปในพื้นที่ และกระจายไปยังเด็ก ๆ ที่โรงเรียนอีกส่วนหนึ่งด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้รถบัสที่มีประตูทางออกฉุกเฉินอยู่ด้านหลัง เหมือนต่างประเทศ ว่า ได้คุยกับทางคมนาคม เพราะต้องวางแผนกัน ซึ่งเราต้องแก้ปัญหากันว่าจะวางกฎ และกรอบอย่างไร เป็นโอกาสที่สามารถวางระบบ ให้ชัดเจนขึ้นได้ และย้ำก่อนเดินทาง จะต้องเช็คสภาพรถก่อนทั้งหมด โดยเฉพาะการเดินทางไกล
“ทัศนศึกษา คือการเปิดโลกให้เด็ก ๆ ซึ่งเราไม่อยากแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทัศนศึกษาไม่ได้ทำร้ายเด็ก แต่ว่ารถที่ไม่ได้ถูกดูแล รถที่ไม่ถูกตรวจ คือสิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ“ นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. เปิดเผยว่า มีความคืบหน้าด้านการสอบสวนไปในระยะหนึ่ง ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำไว้บางส่วนแล้ว ซึ่งอยู่ในความควบคุมของ สภ. คูคต และการพิสูจน์รถ ทางพิสูจน์หลักฐาน และขนส่ง ร่วมกันอยู่ระหว่างการตรวจสภาพรถว่าเป็นอย่างไร ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์ เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ เก็บได้ และพิสูจน์ได้ 22 ราย ส่วนรายที่ 23 มารดา ขอเดินทางมาเอง และทั้งหมดจะเสร็จในช่วงเย็นนี้ ในเรื่องการส่งศพ นายกรัฐมนตรีให้ความห่วงใย และเรา มีการจัดรถมูลนิธิ รถนำ และรถปิดท้าย คาดว่าไม่เกิน 1 ชั่วโมง จะทยอยปล่อยขบวน และจะแบ่งขบวนเพื่อไม่ให้ยาวเกินไปซึ่ง จากการประชุมทั้งหมดนี้ จะนำไปสู่การวางมาตรฐานกฎเกณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเด็ก และเยาวชน นักศึกษา ที่จะต้องไปทัศนศึกษาดูงาน ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับเด็ก และจะมีมาตรการของขนส่ง ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ช่วยดูสภาพรถ การตรวจพนักงานขับรถ บริษัทเอกชนที่ให้บริการรถสาธารณะจะต้องทำอย่างไร และระหว่างทางจะมีการตรวจสภาพคนขับและรถอย่างไรซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเคร่งครัดและวางแผนกันในอนาคตต่อไป
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะมีการดูเรื่องการออกแบบรถยนต์ ว่ามีจำนวนที่นั่งเหมาะสมอย่างไร ทางออกควรเป็นแบบไหน และเมื่อเวลาขับรถไปทางไกล ควรมีคนคนขับสองคน ส่วนเรื่องอายุการใช้งานของรถ ตนเองมองว่าตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่จะปล่อยผ่านไปไม่ได้ รวมถึงรถตู้ที่มีอายุใช้งานเกิน ยืนยันว่า ครั้งนี้จะไม่ยอม
นายสุริยะ กล่าวยืนยันว่า ครั้งนี้ไม่ได้ยกเลิกการใช้แก๊สซีเอ็นจี แต่จะมาตรวจสอบความปลอดภัยต่าง ๆ ทั้งข้อต่อเชื่อมถังแก๊ส และกรมการขนส่งทางบก ดูรถที่เกิดอุบัติเหตุ ว่าเป็นอย่างไร หรือจะออกมาตรการทางการออกแบบบังคับเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อไปในอนาคต
นายสุริยะ ยอมรับว่า ครั้งนี้จะเป็นการสังคายนารถทั้งหมดกว่า 30,000 คัน ใน 60 วัน ที่จะต้องเข้ามาตรวจสอบ และเรื่องขอเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้เงินเยียวยารายละ 2.4 ล้านบาท รวมถึงประสานกระทรวงศึกษาธิการไปเช็คดูว่านักเรียนคนไหนบ้างเพื่อจะได้รีบมอบเงินให้ภายในสัปดาห์หน้า
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงอาการผู้บาดเจ็บ ว่า อยู่ห้องไอซียู โรงพยาบาลสถาบันเด็กแห่งชาติ 1 คน มีผิวไหม้ 11% ซึ่งอาการเริ่มพูดคุยได้แล้วสามารถสื่อสารได้จากที่เมื่อวานเครียดวันนี้ก็ดีขึ้น ปลอดภัย และโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 2 คน ซึ่งมีอาการหนักกว่า มีผิวไหม้พุพองประมาณ 13% และ 20 – 30% อีก 1 คน โดยทั้งหมดถือว่ามีอาการหนัก ซึ่งได้รับการประสานงาน จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมว่าประเทศจีนจะส่งบัวหิมะมาช่วย เพื่อทำให้แผลพุพองไหม้ น้อยลงไป
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การดูแลประชาชนที่เกี่ยวข้องแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก เด็กที่บาดเจ็บ ญาติผู้เสียชีวิต กลุ่มที่สองคือญาติกลุ่มคนที่บาดเจ็บ กลุ่มที่สามคือกลุ่มนักเรียน และผู้คนที่เกี่ยวข้องในโรงเรียน กลุ่มที่สี่คือประชาชนที่เกี่ยวข้อง เรามีนักจิตวิทยา จิตแพทย์ ซึ่งประกอบไปด้วยนักวิชาการจากกระทรวงสาธารณสุขกว่า 71 คน โดยจะแบ่งไปที่จังหวัดอุทัยธานีเพื่อไปดูแลสภาพจิตใจ
