HUMANITY

เรียกร้องประชาคมโลกคว่ำบาตรทหารพม่า-ยุติ สนับสนุนอาวุธ

เรียกร้องประชาคมโลกคว่ำบาตรทหารพม่า-ยุติสนับสนุนอาวุธ เผยประชาชนนับหมื่นต้องหนีตายจากการถูกโจมตี

วันนี้ (23 ธ.ค. 64) เครือข่ายสนับสนุนสันติภาพกะเหรี่ยง (KPSN) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเร่งด่วนสำหรับชาวบ้านกว่า 10,000 คน ที่หนีภัยจากการโจมตีของทหารพม่าในเลเก่ก่อ รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่าซึ่งขณะนี้ผู้หนีภัยครึ่งหนึ่งได้ข้ามแม่น้ำเมยเข้ามายังประเทศไทยแล้ว

แถลงการณ์ระบุว่าการโจมตีเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2564 หนึ่งวันหลังจากทหารพม่า 200 นายบุกโจมตีเมืองเลเก่ก่อ ทางใต้ของเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) และจับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 20 คน รวมทั้งสมาชิกรัฐสภาและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งลี้ภัยอยู่ที่นั่นตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 โดยกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ที่เป็นกลุ่มติดอาวุธของ KNU พยายามปกป้องผู้คนจากการจับกุมและทรมาน 

ขณะที่ทหารพม่าได้ยิงปืนใหญ่มากกว่า 100 นัด เข้าไปในเมืองและหมู่บ้านโดยรอบตามอำเภอใจ สร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนและทำให้ชาวบ้านต้องหลบหนีด้วยความหวาดกลัว โดยการโจมตียังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้

ทั้งนี้พื้นที่เลเก่ก่อ ก่อตั้งขึ้นในฐานะ “เมืองใหม่” ในปี พ.ศ. 2557 ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่าง KNU และกองทัพพม่า โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากมูลนิธิ Nippon Foundation ของญี่ปุ่น ความตึงเครียดระหว่าง KNU และกองทัพพม่าได้เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2564 เมื่อกองทัพพม่าเริ่มดำเนินการโจมตีในเลเก่ก่อเพื่อค้นหานักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ครั้งแรกของกองทัพพม่าในพื้นที่ของรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ภายใต้กองพลที่ 6 ของ KNU นับตั้งแต่การหยุดยิงในปี พ.ศ. 2555

แถลงการณ์ระบุว่า ปัจจุบันผู้คนกว่า 10,000 คนจากเลเก่ก่อและหมู่บ้านใกล้เคียงอีก 8 แห่งกำลังลี้ภัยจากสงคราม ชาวบ้านมากกว่า 5,000 คนกำลังหลบซ่อนอยู่ในชายแดนกะเหรี่ยง และอีก 5,000 คนได้อพยพข้ามแม่น้ำเมยมายังประเทศไทย โดยกองทัพพม่าได้เสริมกำลังทหารและรถลำเลียงพลหุ้มเกราะจากหน่วยอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง และเครื่องบินรบได้บินผ่านพื้นที่ดังกล่าว ทำให้เกิดความกลัวว่าจะมีการทิ้งระเบิดทางอากาศในไม่ช้า แผนการรุกโจมตีของกองทัพพม่ากำลังดำเนินไป และชีวิตของชาวบ้านในท้องถิ่นกำลังถูกคุกคาม

“เราจึงเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทยให้ความคุ้มครองและที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยใหม่เหล่านี้โดยด่วน และอนุญาตให้หน่วยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงและช่วยเหลือพวกเขาได้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ประเทศไทยอนุญาตให้ส่งความช่วยเหลือไปยังผู้พลัดถิ่นภายในประเทศซึ่งหลบภัยในรัฐกะเหรี่ยงที่อยู่อีกฟากหนึ่งของชายแดน” แถลงการณ์ของ KPSN ระบุ

เครือข่ายสนับสนุนสันติภาพกะเหรี่ยงระบุว่า ขอประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีของทหารพม่าครั้งล่าสุดนี้ อันเป็นการละเมิดคำมั่นสัญญาหยุดยิงต่อ KNU และผู้บริจาคสันติภาพจากต่างประเทศ ผู้บริจาคเหล่านี้ควรตัดเงินทุนสำหรับกระบวนการสันติภาพทั่วประเทศที่ล้มเหลวทันที และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนแก่ผู้พลัดถิ่นแทน ควรให้ความช่วยเหลือแก่ผู้พลัดถิ่นข้ามพรมแดนผ่านการบริหารของกลุ่มชาติพันธุ์และองค์กรชุมชนท้องถิ่น โดยไม่ต้องแจ้งหรือประสานงานกับกองทัพพม่าซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อการส่งมอบความช่วยเหลือ

แถลงการณ์ของ KPSN ได้เรียกร้องให้นานาชาติกดดันกองทัพพม่าอย่างเร่งด่วนดังนี้ 1.ให้ทั่วโลกคว่ำบาตรทางการทหารต่อกองทัพพม่า รวมถึงการสนับสนุนด้านอาวุธและอากาศยาน 2. กำหนดเป้าหมายการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ รวมทั้งรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติ 3. ปฏิเสธความชอบธรรมของกองทัพพม่าโดยไม่ลงนามในข้อตกลงใดๆเกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและด้านการพัฒนา 4. ให้ทหารพม่ารับผิดชอบในการก่ออาชญากรรม และขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ

ขณะที่สำนักข่าว KIC – Karen Information center รายงานว่า ทหารพม่าประมาณ 100 นายได้บุกโจมตีหมู่บ้านเกาะแน ตำบลก่อกะเระ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เวลาประมาณ 05.30 น. ทำให้ชาวบ้านต้องหลบหนีออกจากพื้นที่ และในวันนี้ 23 ธันวาคม การปะทะกันระหว่าง KNLA และกองทัพพม่ายังคงดำเนินต่อไปในพื้นที่ใกล้น้ำตกตอหน่อ บนถนนเมียวดี-ก่อกะเระ แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

Related Posts

Send this to a friend