สธ. เตือนฤดูฝน โรคจากยุงลายระบาดหนัก ย้ำกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำ

กรมควบคุมโรค เตือนฤดูฝน โรคจากยุงลายระบาดหนัก ‘ไข้เลือดออก-ปวดข้อยุงลาย-ไวรัสซิกา’ ย้ำกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำ ลดความเสี่ยงโรค-ป้องกันอันตรายต่อทารกในครรภ์
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงช่วงฤดูฝนว่า น้ำฝนที่ตกลงมา อาจไปตกค้างอยู่ตามภาชนะที่มีไข่ยุงลายอยู่เดิม หรือยุงวางไข่ใหม่ในภาชนะน้ำขังที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เพิ่มจำนวนยุงลายที่เป็นพาหะนำโรค เช่น โรคไข้เลือดออก โรคปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งเคยระบาดในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยอยู่ระยะหนึ่ง แต่กลับมามีรายงานการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคนี้อีกครั้ง
ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว 266 ราย พื้นที่ที่มีการรายงานผู้ป่วย 24 จังหวัด โดยระยะ 4 สัปดาห์ล่าสุดพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูงที่จังหวัดจันทบุรี (37 ราย) และเพชรบูรณ์ (23 ราย) หากผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาเป็นหญิงตั้งครรภ์ จะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ ทำให้มีศีรษะเล็ก และมีความพิการแต่กำเนิด ซึ่งยังไม่มีวิธีรักษา แต่สามารถป้องกันและรับการตรวจวินิจฉัยได้
นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า วิธีที่ดีที่สุดของการป้องกันโรคติดเชื้อจากยุงลายทั้ง 3 โรคนี้คือ ป้องกันอย่าให้ถูกยุงลายกัด แม้ไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น มีพื้นที่และภูมิอากาศเหมาะสมกับการเจริญพันธุ์ของยุงลาย การลดประชากรยุงลายต้องมีความพร้อมเพรียงกันในระดับชุมชน โดยจัดการสิ่งแวดล้อมไม่ให้ยุงลายมีที่วางไข่ ยุงลายชอบวางไข่ในน้ำใสนิ่งตามภาชนะกักเก็บน้ำชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงขยะเศษภาชนะ กล่องโฟมที่ถูกทิ้ง จานรองกระถางต้นไม้ หรือกาบใบไม้ใหญ่ ๆ ยุงลายไม่ชอบน้ำสกปรกเน่าเหม็น จึงเป็นยุงที่อยู่บริเวณบ้านมากที่สุด ทั้งนี้ หากพบเจอภาชนะขังน้ำ สังเกตว่ามีลูกน้ำอยู่ในนั้นด้วยหรือไม่ หากพบให้รีบกำจัดเททิ้งบนดิน เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้อีกไม่เกิน 7-10 วัน ลูกน้ำจะกลายเป็นยุงตัวเต็มวัยมากัดผู้คนได้
นอกจากนี้ มีวิธีป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดอีกหลายวิธี เช่น นอนในมุ้ง จุดหรือทายากันยุง ติดตั้งมุ้งลวดกันยุงเข้าบ้าน รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค คือ “3 เก็บป้องกัน 3 โรค” ซึ่งประกอบด้วย ‘เก็บบ้าน’ ให้ปลอดโปร่ง ไม่ให้ยุงลายเกาะพัก ‘เก็บขยะ’ เศษภาชนะ ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ‘เก็บน้ำ’ ปิดภาชนะให้มิดชิดเพื่อไม่ให้ยุงลายลงไปวางไข่ หรือปล่อยปลากินลูกน้ำก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ส่วน 3 โรค คือ โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคติดเชื้อไวรัสซิกา มีรายงานพบผู้ป่วยครั้งแรกที่ประเทศยูกันดา ในปี 2490 ที่ผ่านมาเคยมีการระบาดใหญ่ในหลายประเทศเมื่อปี 2559 ในครั้งนั้น พบหญิงตั้งครรภ์คลอดทารกพิการที่มีศีรษะเล็กแต่กำเนิดและพัฒนาการ ส่วนสถานการณ์ในไทยพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกาประปรายเมื่อประมาณสิบปีก่อน โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีไข้ ผื่นแดงตามผิวหนัง ปวดศีรษะ เยื่อบุตาแดงอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อและศีรษะ หลังจากถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสซิกากัดประมาณ 3-14 วัน แม้ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงแต่อาจจะพบรายที่มีอาการรุนแรงภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท เช่น กลุ่มอาการอักเสบของเส้นประสาท GBS (Guillain-Barre Syndrome)
โรคดังกล่าวมีหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ เนื่องจากสามารถส่งต่อไปยังทารกในครรภ์ ทำให้ทารกมีศีรษะเล็กจากสมองไม่เติบโต เกิดความพิการแต่กำเนิดและพัฒนาการล่าช้า บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น แท้ง ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง ปวดข้อ ให้สงสัยว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา และรีบพบแพทย์เพื่อขอรับการตรวจวินิจฉัยโรคทันที