HEALTH

กรมการแพทย์ แนะแนวทางป้องกันตนเอง จาก PM 2.5

ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง ส่วนการคาดการณ์อากาศในวันที่ 18-24 ม.ค. 66 เสี่ยงพบฝุ่น PM 2.5 เพิ่ม

วันนี้ ( 19 ม.ค. 66) นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ ร่วมกับ นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ ล่าสุดเปิดเผยว่า ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐาน ถือได้ว่าเป็นมลพิษทางอากาศ ที่อันตรายต่อสุขภาพของประชาชน เพราะ PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ล่องลอยอยู่ในอากาศได้เป็นวันหรือเป็นอาทิตย์ รวมทั้งกระจายได้ไปไกลถึง 100 ไมล์ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ผ่านระบบทางเดินหายใจ หากได้รับอย่างต่อเนื่องหรือในปริมาณที่มาก อาจส่งผลกระทบสะสมต่อสุขภาพ ทั้งโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็งปอด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจขาดเลือดได้ พร้อมกันนี้ได้แนะแนวทางป้องกันตัวเอง จากฝุ่นละออง PM 2.5 ฝุ่นจิ๋ว เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า “ด้วยฝุ่น PM 2.5 ที่มีขนาดเล็กมาก ทำให้ฝุ่นสามารถเข้าสู่ร่างกาย จากหลอดลมไปหลอดเลือด และกระจายไปส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย เมื่อได้รับเป็นระยะเวลานานจนเกิดการสะสม ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ โดยกลุ่มเสี่ยงได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น สำหรับผู้ที่ได้รับฝุ่น PM 2.5 มักมีอาการไอเรื้อรัง ระคายเคืองตา คัดจมูก แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ผิวหนังเป็นตุ่มหรือผื่นนูนแดง”

“ดังนั้นเราควรป้องกันตนเองจากฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ด้วยการสวมหน้ากาก N95 ป้องกันฝุ่น หากไม่มีให้สวมหน้ากากอนามัย โดยต้องใส่ให้ถูกวิธี คือ คลุมจมูกลงมาถึงใต้คาง และต้องแนบสนิทกับใบหน้า หลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้าน ในบริเวณที่มีค่ามลพิษอากาศสูง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นภายในบ้าน หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 เช่น การเผาขยะ การเผาหญ้า การจอดรถติดเครื่องยนต์ไว้เป็นระยะเวลานาน และหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้อยู่ในสภาพปกติไม่ก่อควันดำ อีกทั้งหากพบว่าตนเองมีอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น ไอ เหนื่อย แน่นหน้าอก ควรปรึกษาแพทย์ทันที และที่สำคัญควรติดตามข้อมูลข่าวสารด้านมลพิษทางอากาศเป็นประจำ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและความปลอดภัย ต่อสุขภาพของตนเอง

ทั้งนี้ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ได้เผยข้อมูลผลการตรวจวัด PM2.5 วันที่ 19 มกราคม 2566 เวลา 05.00-07.00 น. โดยตรวจวัดได้ 17-37 มคก./ลบ.ม.และค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 26.8 มคก./ลบ.ม. ทำให้ค่า PM2.5 มีแนวโน้มลดลงและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานีที่มีการตรวจวัด ทั้งนี้ ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ 17-37 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยมีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ที่มีการตรวจวัด (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.)

สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่น PM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา โดยตั้งแต่ช่วงวันที่ 18-24 ม.ค. 66 คาดว่าอัตราการระบายอ่อน/ไม่ดี (น้อยกว่า2,000-4,000m2/s) (ยกเว้นวันที่ 24) และอากาศปิดใกล้บริเวณผิวพื้น ส่งผลให้การสะสมของฝุ่นละออง PM2.5 ยังทรงตัว และวันนี้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส และช่วงวันที่ 22-24 มกราคม 2566 พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลควรเฝ้าระวัง การสะสมของฝุ่นละออง เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ประกอบกับมีมวลอากาศเย็นระลอกใหม่ จากประเทศจีนแผ่เข้ามา โดยพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่พื้นที่ กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ และจากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบค่าความร้อนสูงผิดปกติ จากค่าความร้อนบนผิวโลกในบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูล คุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทางแอพพลิเคชัน AirBKK, www.bangkokairquality.com , www.pr-bangkok.com , FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร,FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม,FB: กรุงเทพมหานคร ส่วนกรณีพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษ สามารถแจ้งเบาะแส ผ่านทาง Traffy Fondue

Related Posts

Send this to a friend