HEALTH

ปรับสมดุลร่างกายด้วยอาหารฤทธิ์เย็น รับมือภาวะโภชนาการเปลี่ยนแปลงช่วงหน้าร้อน

อาหารฤทธิ์เย็นช่วยคุณได้หากใครที่กำลังมองหาวิธี ในการปรับสมดุลให้ร่างกายช่วงอากาศร้อน เนื่องจากช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมนั้น เป็นช่วงที่อุณหภูมิบ้านเราร้อนจัด ดังนั้นการไม่ปรับสมดุลให้ร่างกาย จะทำให้เราเจ็บป่วยได้ง่าย ที่สำคัญอากาศร้อนเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันเชื้อโรคในร่างกายของเราลดลง ขณะเดียวกันก็ทำให้เชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรีย ในอากาศนั้นเจริญเติบโตได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของอาการท้องร่วงท้องเสีย หรือทำให้เชื้อโรคมีความแข็งแรงมากขึ้นนั่นเอง นั่นจึงทำให้ทั้งเด็กและผู้สูงอายุ เกิดอาการท้องร่วงท้องเสีย และเบื่ออาหารไปในคราวเดียวกัน หรือที่เรียกกว่าภาวะโภชนาการเปลี่ยนแปลงไป ในช่วงอุณหภูมิสูง

The Reporters ได้สอบถามไปยัง แวว-แววตา เอกชาวนา นักกำหนดอาหารวิชาชีพอิสระ และที่ปรึกษาโครงการกินผักและผลไม้ดีวันละ 400 กรัม จาก สสส.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกบริโภคอาหารฤทธิ์เย็น ที่ช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย เพื่อป้องกันโรคที่เกิดขึ้นในหน้าร้อน รวมถึงการหลีกเลี่ยงอาหารฤทธิ์ร้อน ที่สาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ และอาการอาหารไม่ย่อย รวมถึงยังกระตุ้นให้อารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย ในช่วงซัมเมอร์นี้

แววตา กล่าวว่า “อากาศร้อนบ้านเราปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม และคาดว่าปีนี้จะมีอากาศร้อนจัด ดังนั้นการที่ไม่ปรับสมดุลให้ร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่าย เพราะช่วงอากาศร้อนจะทำให้เชื้อโรคเติบได้ค่อนข้างดี ที่สำคัญยังทำให้ภูมิคุ้มกัน ในร่างกายของเราลดลง จึงทำให้ทั้งเด็กหรือผู้สูงอายุ เกิดอาการเบื่ออาหาร และเกิดอาการท้องร่วงท้องเสียได้ง่าย ดังนั้นอากาศร้อน เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ และภาวะโภชนาการของเราเปลี่ยนแปลงไป จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารฤทธิ์เย็น เพื่อช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย”

“โดยเฉพาะอาหารมื้อกลางวัน ที่จำเป็นต้องเพิ่มอาหารฤทธิ์เย็นเข้าไป เพราะตอนเที่ยงตะวันตกหัว นั่นหมายความว่า เป็นช่วงที่อากาศร้อนจัดมากที่สุดของวัน เช่น “ผักและผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น” อย่าง ฟักแฟง (ต้มแฟงใส่กระดูกหมูเห็ดหอม) และแตงโม (แตงโมกินกับปลาแห้ง) ช่วยดับร้อนได้ดี นอกจากนี้ผักฤทธิ์เย็นที่มีรสขมอ่อนๆ ก็ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายเย็นขึ้นเช่นเดียวกัน เช่น ดอกแค (ดอกแคนึ่งกินกับน้ำพริก,แกงส้มดอกแค),มะระ (ต้มจืดมะระ),สะเดา (สะเดาน้ำปลาหวาน หรือ สะเดาลวกกินกับน้ำพริก) ที่ควรนำปรุงอาหารเพื่อรับประทานในช่วงที่มีอากาศร้อน ที่สำคัญยังเป็นกลุ่มผักฤทธิ์เย็น ที่มีสรรพคุณทางยาอีกด้วย เช่น ดอกแคแก้ไขหวัดจากการเปลี่ยนแปลงฤดูกาล และมะระช่วยลดน้ำตาลในเลือดอีกทั้งดับกระหาย เป็นต้น นอกจากนี้ “น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น” อย่าง “น้ำหล่อฮั้งก๊วย” ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และยังช่วยทำให้ชุ่มคอดับกระหาย รวมถึง “น้ำใบบัวบก” หรือ “น้ำเก๊กฮวย” ก็ช่วยเติมความสดชื่นให้ร่างกาย และดับพิษร้อนในร่างกายได้เช่นกัน

“และที่ลืมไม่ได้คือการล้างทำความสะอาด ผักฤทธิ์เย็นเหล่านี้ ก่อนที่จะนำปรุงอาหาร หรือแม้แต่เขียงที่ใช้หั่นผัก ก็ควรล้างทำความสะอาด ก่อนที่จะมาใช้ในคราวต่อไป เพราะเขียงเป็นตัวการหนึ่ง ที่ทำให้เกิดภาวะท้องเสียท้องร่วงได้ เช่น เขียงที่สับไก่และนำมาหั่นผักต่อโดยไม่ล้างให้สะอาด เพราะหน้าร้อนเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ ของโรคท้องร่วงท้องเสีย มักจะปนเปื้อนอยู่ในอากาศรวมถึง ยังมีแมลงวันเป็นภาหะนำโรค โดยเฉพาะเขียงสับเนื้อสัตว์ ที่วางทิ้งไว้และไม่มีภาชนะคลุม”

อาหารฤทธิ์ร้อนกินแล้วย่อยยาก-กระตุ้นอารมณ์หงุดหงิดไม่รู้ตัว

“สำหรับอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนนั้น จะทำให้เกิดความร้อน ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ได้แก่ อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวานต่างๆ รวมถึงผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน,มะม่วง,ลิ้นจี่,ลำไย ฯลฯ ทั้งนี้สามารถกินผลไม้รสหวานเหล่านี้ได้ แต่จะต้องไม่มากจนเกินไป เช่น ในหนึ่งวันสามารถบริโภคทุเรียนได้เพียง 1 เม็ดเท่านั้น และไม่ควรรับประทานติดต่อกันทุกวัน หรือ กินลำไยได้ 1 ครั้งประมาณ 10 ลูก ที่สำคัญในระหว่างวันให้ดื่มน้ำเยอะๆ เพราะน้ำจะช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้อาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน เช่น แกงกะทิเข้มข้น หรือ อาหารทอดกรอบต่างๆ เช่น ไก่ทอด,หมูทอด,ไข่ดาว,ไข่เจียว ก็เป็นกลุ่มอาหารให้พลังงานสูงเช่นกัน และอาหารทั้ง 2 กลุ่มนี้ไม่เพียง ทำให้เกิดความร้อนภายในร่างกาย แต่จะทำให้รู้สึกเบื่ออาหาร และทำให้รู้สึกร้อนตามร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด ได้อย่างไม่รู้ตัว ที่สำคัญอาหารไขมันสูงยังย่อยยากอีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยง หรือบริโภคให้น้อยที่สุด”

“แนะนำให้ปรับเปลี่ยน จากของทอดมาเป็นอาหารผัด เช่น เปลี่ยนจากหมูทอด เป็นผัดผักใส่หมู หรือ ไก่ทอด เป็น ไก่ต้ม และไข่ดาว ไข่เจียว เปลี่ยนเป็นไข่ดาวน้ำ,ไข่ตุ๋น,ไข่ออนเซ็นแทน แต่ทั้งนี้ทั้งไข่ดาวน้ำ และไข่ออนเซ็นนั้น ไข่ขาวจะต้องสุกเพราะแบคทีเรีย จะเจริญเติบโตได้ดีในไข่ขาวกึ่งสุกกึ่งดิบ เพราะหากเรากินไข่ขาวดิบ จะไปขัดขวางการทำงานของไบโอติน ซึ่งช่วยเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย เพื่อไปบำรุงผิวนั่นเอง ส่วนผู้ที่นิยมซื้ออาหารปรุงสำเร็จ หรือกับข้าวถุงมารับประทาน ในช่วงหน้าร้อนนั้นแนะนำ ให้อุ่นแกงถุงเดือดประมาณ 5 นาที เพื่อป้องกันอาการท้องเสีย และอาหารเป็นพิษ จากเชื้อแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอาหาร”

“การทำจิตใจให้สงบในช่วงหน้าร้อน ก็ช่วยดับร้อนได้อีกทางหนึ่ง ที่สำคัญควรดื่มน้ำควบคู่ไปด้วย เช่น ในผู้สูงอายุควรเตรียมตัวเตรียมใจรับกับอากาศร้อน ด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ ถ้าเป็นไปได้ให้ตวงน้ำในปริมาณ ที่เหมาะสมในหนึ่งวัน ตั้งไว้ให้ปู่ย่าตายายหมั่นจิบทีละนิด ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คนสูงวัยดื่มน้ำได้อย่างเพียงพอในช่วงอากาศร้อน เพราะถ้าเราไม่เตรียมตัว ก็จะทำให้คนวัยนี้ทั้งดื่มน้ำน้อย เบื่ออาหาร และหงุดหงิดไปพร้อมๆกัน ที่สำคัญก็ควรเลี่ยงอาหารฤทธิ์ร้อน ที่มีน้ำตาลและไขมันสูง แต่ปรับมาเป็นอาหารฤทธิ์เย็น ก็ถือเป็นวิธีปรับสมดุลให้ร่างกาย ในช่วงอุณหภูมิสูงได้ดี”

Related Posts

Send this to a friend