HEALTH

สสส. ดันระบบแพทย์ฉุกเฉินสร้างมาตรฐานงานกีฬามวลชน หนุนคนไทยเสริมทักษะ CPR

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. จัดกิจกรรม ภายใต้แนวคิด “สสส.ต้นแบบ หนุนทีมแพทย์กู้ชีพงานกีฬามวลชนไทย” เพื่อให้ความสำคัญและสนับสนุนให้งานแข่งขันกีฬามวลชนทุกประเภท และทุกระดับในไทย มีการวางระบบความปลอดภัยทางการแพทย์ฉุกเฉิน (Medical Race Director) เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันกรณีนักกีฬาหรือผู้เข้าร่วมงานเกิดภาวะวูบหมดสติและหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) โดยตามสถิติในไทยพบ ผู้เสียชีวิตระหว่างการแข่งขันกีฬาด้วยอาการดังกล่าวประมาณ 1 ต่อ 200,000 คน ที่สำคัญที่สุดคือภาวะนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศวัย แม้แต่ผู้มีสุขภาพแข็งแรงโดยปราศจากสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า

ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า สสส.ได้สร้างต้นแบบการวางระบบความปลอดภัยทางการแพทย์ฉุกเฉิน ในการจัดกีฬามวลชนไทยในงาน “Thai Health Day Run 2022 วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่” ซึ่งจัดไปเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อลดการบาดเจ็บหรือการสูญเสียชีวิตของผู้เข้าร่วมงานที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและหมดสติ แม้ว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีขึ้นมีน้อยแต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะ สสส.มีหน้าที่สนับสนุนให้คนไทยทุกกลุ่มวัย มีกิจกรรมทางกายในระดับปานกลางอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ เพื่อลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง และป้องกันโรคไม่ติดต่อ หรือ NCDs และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการจัดกีฬามวลชนในระดับสากลอีกด้วย

เพราะฉะนั้น คนไทยทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อฟื้นคืนชีพแก่ผู้หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น มีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมโดยเฉพาะเครื่องกระตุ้นหัวใจหรือ AED จึงสำคัญที่สุด ให้กลับมามีชีพจรดังเดิม (Cardio Pulmonary Resuscitation: CPR) ซึ่ง สสส.และภาคีเครือข่ายได้เร่งสนับสนุนการจัดอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง

นพ.ภัทรภณ อติเมธิน แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ผู้เชียวชาญด้านการวิ่งและอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง สมาคมการค้าผู้จัดงานกีฬามวลชนไทย (TMPSA) ให้คำแนะนำว่า เมื่อพบเห็นผู้มีอาการวูบหมดสติ หรือล้มลงโดยไม่มีสาเหตุให้รีบเข้าไปช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการทำ CPR และใช้เครื่อง AED ทันที ซึ่งมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้

1.ตั้งสติ และทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบว่ามีความปลอดภัยเพียงพอและไม่มีอันตราย ทั้งต่อตัวผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือและผู้ป่วย

2.สำรวจอาการผู้ป่วย ว่ามีชีพจรและหายใจหรือไม่ โดยพิจารณาจากการขยับขึ้นลงของหน้าอก

3.เริ่มต้นปลุกด้วยเสียง พร้อมๆกับการสัมผัสโดยการตบบ่าทั้ง 2 ข้างของผู้มีป่วย หากไม่รู้สึกตัวและไม่หายใจ ให้เข้าสู่กระบวนการทำ CPR ทันที เพราะการปล่อยให้ล่าช้านานเท่าไหร่โอกาสการรอดชีวิตก็จะลดลง โดยเริ่มจากการนั่งคุกเข่ายกก้นขึ้น วางส้นมือข้างที่ถนัดบนบริเวณกึ่งกลางของหน้าอกในตำแหน่งของหัวใจแล้วใช้อีกมือประกอบเยือดแขนตรง จากนั้นใช้แรงกดจากหัวไหล่และลำตัวกดตรงลงไปให้ลึกประมาณ 5-6 ซ.ม ด้วยความเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที

4.ขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้าง หรือหากอยู่คนเดียวให้เปิดลำโพงโทรศัพท์ ติดต่อขอความช่วยเหลือหมายเลข 1669 โดยให้ระบุรายละเอียดของอาการ โดยเฉพาะอาการหมดสติ ไม่หายใจและหัวใจหยุดเต้น

5.ระหว่างการทำ CPR ให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นนำเครื่อง AED โดยปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้เครื่องและกดปุ่มช็อกหัวใจจนกว่าหน่วยกู้ชีพ 1669 จะมาถึงที่เกิดเหตุ

Related Posts

Send this to a friend