กินอาหารตามรอยละครพรหมลิขิต…ช่วยสุขภาพดีกว่าที่คิด!
นอกจากตัวละคร และเนื้อเรื่องของละครพรหมลิขิต ที่ออกอากาศทางช่อง 3 HD และทางช่องทางสตรีมมิ่งต่างๆ จะเป็นที่พูดถึงอย่างมากแล้ว เมนูอาหารในละครก็เป็นที่พูดถึงไม่แพ้กัน โดยมีทั้งเมนูที่เป็นอาหารไทยแท้ อัดแน่นไปด้วยพืชผักสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันอาการเจ็บป่วย ในช่วงหน้าหนาวได้ดีและเมนูอีกส่วนหนึ่งในละครเป็นอาหารที่ได้รับวัฒนธรรมจากประเทศอื่น ที่อุดมไปด้วยผักเช่นกัน อาทิ เมนูต้มจับฉ่าย หรือ แม้แต่ก๋วยเตี๋ยวบก ที่มีผักเป็นส่วนประกอบหลัก
ดร.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิจาก สสส. ให้ข้อมูลกับ The Reporters ถึงประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ในเมนูของละครออเจ้า ที่หากบริโภคอย่างถูกวิธี จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับผู้รับประทานในช่วงหน้าหนาวได้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริกกะปิกินคู่กับผักต้มราดกะทิ ปลาตะเพียนทอดน้ำปลาส้มตำปลาร้า กุ้งทอดราดซอสมะขาม กุ้งเผาและน้ำจิ้มซีฟู้ด ปลาแรดต้มยำ ต้มจับฉ่าย ปลาทอดสามรส ไข่เจียวกุ้งสับ ผัดกะเพราไก่และไข่ดาวยางมะตูม ข้าวแมว ฯลฯ
ดร.สง่า กล่าวว่า ที่จริงแล้วการบริโภคอาหารตามรอยละครพรหมลิขิตนั้น ได้ทุกเมนู แต่ทั้งนี้หลักในการบริโภคอาหารที่ดี ที่สามารถรับมือกับโรคได้ จำเป็นต้องบริโภคอาหารให้หลากหลาย หรือ ครบ 5 หมู่ จึงจะสามารถช่วยป้องกันโรค ในช่วงอากาศหนาวเย็นได้ เพราะช่วงนี้จะทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยได้ง่าย
ดร.สง่า จึงแนะนำว่าให้เน้นอาหารที่มีผักเป็นส่วนประกอบ ครบ 5 หมู่ ไม่หวาน มัน และเค็มจนเกินไป ปรุงด้วยการ ต้ม แกง นึ่ง อบ ย่าง เช่น เมนูน้ำพริกกะปิที่กินคู่กับผักสด ที่สามารถรับประทานได้ทุกฤดูกาล เพราะในเมนูนี้ค่อนข้างครบ 5 หมู่ เพราะมีทั้งผักสดที่กินแกล้มกัน ซึ่งให้วิตามินและแร่ธาตุต่อร่างกาย และสมุนไพร เช่น พริก กะเทียม ที่ช่วยไล่หวัดได้ดี และกะปิที่ให้โซเดียมกับร่างกาย กุ้งแห้งที่ให้โปรตีน
เมนูอร่อยในละครออเจ้า ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?
น้ำพริกกะปิ กินคู่กับผักต้มราดกะทิ มีกะทิ ที่มีไขมันเล็กน้อย และไขมันดังกล่าวจะช่วยละลายวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค เพื่อให้เข้าสู่ร่างกายได้ดี ซึ่งเป็นกลุ่มวิตามินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค ที่สำคัญยังช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
ส้มตำปลาร้า ซึ่งเน้นว่าควรเป็นปลาร้าต้มสุก มีคุณค่าทางอาหารสูงเช่นกัน เพราะมีผักเป็นส่วนประกอบหลัก ที่ไม่เพียงมีใยอาหารช่วยชะล้างลำไส้ให้ดูดซึมได้ดี ที่สำคัญในผักทั้งมะละกอ ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ เป็นแหล่งรวมของวิตามินและแร่ธาตุ จึงช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และยังป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ จากการกินเมนูส้มตำ ในกลุ่มที่ชื่นชอบการบริโภคผัก
ปลาแรดต้มยำ ถือเป็นอาหารไทยแท้ ที่มีโปรตีนสูง ย่อยง่าย สามารถรับประทานได้ทุกฤดูกาล
สำหรับกลุ่มอาหารที่ปรุงด้วยการ “ผัด” และ “ทอด” ดร.สง่า ระบุว่าไม่ถือเป็นอาหารไทยแท้ เช่น ไข่เจียวกุ้งสับ ผัดกะเพราไก่-ไข่ยางมะตูม หรือ ปลาตะเพียนทอด ซึ่งสามารถรับประทานได้ แต่ไม่ควรรับประทานบ่อย เพราะมีส่วนประกอบของน้ำมันเป็นหลัก เน้นกินอาหารที่ปรุงจาก ต้ม แกง ย่าง อบ นึ่งจะดีต่อสุขภาพที่สุด เช่น ต้มจับฉ่าย ที่อุดมไปด้วยผักหลากหลายชนิด อย่างไรก็ตาม ดร.สง่า ย้ำว่า การบริโภคที่ปลอดภัย ต้องเลือกผักที่ปลอดสารเคมี และไม่มียาฆ่าแมลง จึงจะดีต่อสุขภาพของแฟนละครพรหมลิขิต
ข้อควรระวังในการรับประทาน เมนูจากละครพรหมลิขิต ให้อร่อยและสุขภาพดี ?
ดร.สง่า กล่าวว่า “ข้อควรระวังในการบริโภคเมนูอิงละครดัง เช่น กุ้งเผากับน้ำจิ้มซีฟู้ด ต้องแน่ใจกุ้งที่เราเผาสุกแล้ว เพื่อป้องกันการกินสุกๆ ดิบๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดพยาธิใบไม้ในตับ นอกจากนี้ก็ควรระวังโซเดียมในน้ำจิ้มซีฟู้ด โดยการใส่เครื่องปรุง เช่น น้ำปลาให้น้อยลง ด้วยการเติมน้ำอุ่นลงน้ำจิ้มเล็กน้อย เพื่อเจือจางความเค็มในน้ำปลาลง ส่วน หมูกระทะ สามารถรับประทานได้ แต่ไม่ควรบ่อยเกินไป เพราะมีไขมันค่อนข้างสูง ที่สำคัญแนะนำว่าให้รับประทาน ด้วยการเพิ่มผักลงไปในเมนูนี้ เพื่อเพิ่มกากใยอาหารและสารอาหารที่ครบถ้วน เนื่องจากมีพลังงานค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ควรบริโภคน้ำจิ้ม ในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป เพื่อป้องกันโซเดียมและน้ำตาลเกิน”
ดร.สง่า ยังได้กล่าวถึง ข้าวแมว ว่า เป็นอาหารที่มาจากภูมิปัญญาคนไทย เนื่องจากสมัยก่อนนั้น ปลาจะค่อนข้างเยอะและหาได้ง่ายทั่วไป แต่เพื่อให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ แนะนำให้ซอยถั่วฟักยาว หรือ ถั่วงอกลวกสุก ก็จะทำให้เมนูนี้ครบ 5 หมู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะรับประทานอาหารตามรอยละครดัง หรือดูละครเสร็จต้องรีบไปหามารับประทานบ้าง แต่สิ่งลืมไม่ได้คือการเน้นการบริโภคอาหาร ที่มีผักเป็นส่วนประกอบ หรือพลิกแพลงบางเมนูโดยเติมผัก หรือส่วนประกอบให้ครบ 5 หมู่ เพื่อทำให้มื้ออาหารนั้นๆ เป็นมื้ออาหารเพื่อสุขภาพ ห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อย่างโรคอ้วนลงพุง ได้เช่นกัน
