CRIME

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แจ้ง 157 นายก อบต.เกาะหลีเป๊ะ ปล่อยเอกชนสร้างรั้วปิดทางเดิน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงดาบ แจ้ง 157 นายก อบต.เกาะหลีเป๊ะ ปล่อยเอกชนสร้างรั้วปิดทางเดิน ไม่บังคับรื้อถอน ปลัดมท.สั่งย้ายช่วยราชการ ยืนยันเพิกถอน นส.3 เลขที่ 11 ได้แน่นอนภายใน พ.ค.นี้ จี้ อุทยาน-ที่ดิน ขอศาลรังวัดทุกแปลงบนเกาะ เตรียมบังคับคดี 8 จุดรุกที่อุทยาน

วันนี้ (23 มี.ค. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทปัญหาในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ อ.เมือง จ.สตูล ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ครั้งที่ 3/2566 ระบุว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% โดยวันนี้กรมที่ดินได้มีคำสั่งที่จะออกคำสั่งตามมาตรา 61 เพื่อเพิกถอนที่ดิน นส.3 เลขที่ 11 ทั้งแปลง ได้เข้าสู่กระบวนการเพิกถอนแล้วตามขั้นตอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นปัญหา คาดว่าจะสามารถเพิกถอนได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2566 โดยยืนยันว่าจะเป็นกรอบเวลาสุดท้าย ไม่ล่าช้าหรือขยายเวลาไปมากกว่าเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว เพราะมีเอกสารทุกอย่างรับรองทั้งสิ้น ทั้งคำพิพากษาของศาล แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ เอกสารทางวิทยาศาสตร์ ความเห็นของนักวิชาการ รับรองข้อมูลแล้วทั้งหมด ไม่มีทางบิดพลิ้วเป็นอื่นได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเพิกถอนที่ดินทั้งแปลงซึ่งเป็นเนื้อที่กว่า 81 ไร่ จะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะมีการใช้ประโยชน์ทำธุรกิจโรงแรม มีมูลค่ามหาศาล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าทำได้ เพราะคณะกรรมการฯดำเนินการภายใต้เอกสารของรัฐ ไม่มีใครสู้เอกสารรัฐได้ อยู่เจ้าหน้าที่รัฐจะทำจริงหรือไม่จริง

โดยวันนี้ ที่ประชุมมีมติให้กรมอุทยานฯ และกรมที่ดิน ร่วมกันรังวัดที่ดินทั้งเกาะหลีเป๊ะ โดยยื่นคำร้องขอคำสั่งศาลจังหวัดสตูล สำรวจแนวเขตของที่ดินทุกแปลงบนเกาะ หากพบว่าที่ดินแปลงไหนไม่ถูกต้องจะมีการดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิอีก โดยจะมียื่นคำร้องต่อศาลภายในสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ ศาลจังหวัดสตูลได้มีคำสั่งบังคับคดีทั้งหมด 8 คดีที่มีการรุกล้ำพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตาแล้ว ซึ่งได้นัดหมายกับกรมบังคับคดีไปดำเนินการปักป้ายให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในวันศุกร์หน้า ที่ศาลได้มีคำสั่งไปแล้วว่ารุกล้ำที่ดินของอุทยาน

ส่วนกรณีโรงแรมบนเกาะไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมกว่า 95 แห่งนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมดและสุดท้ายต้องรื้อถอนทั้งหมด ไม่สามารถจะอยู่ได้เพราะผิดกฎหมาย โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าหลายส่วนเป็นนอมินีต่างชาติ ทำให้รายได้ไม่เข้าสู่ประเทศอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงความเดือนร้อนของชาวเลในพื้นที่พิพาท หลังเอกชนที่อ้างสิทธิ์ได้สร้างรั้วปิดทางลงหาดจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถใช้ทางได้ ส่งผลกระทบต่อการทำประมงมามากกว่า 1 เดือนแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นความล่าช้าของ นายกอบต.เกาะสาหร่าย ซึ่งตนได้ดำเนินคดี ม.157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว ได้นำเสนอเรื่องนี้ต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย วันนี้ปลัดกระทรวงมหาดไทยจึงได้มีคำสั่งถึงจังหวัดให้ย้ายนายก อบต. ไปช่วยราชการแล้ว เพราะการเป็นนายก อบต. มีอำนาจหน้าที่แต่ไม่ทำหน้าที่ เป็นการสร้างโดยไม่มีการข้ออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น โดยทางตำรวจได้มีหนังสือไปถึง 5 ครั้ง ว่าเป็นการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตท้องถิ่นต้องดำเนินการรื้อถอน แต่ไม่ดำเนินการรื้อถอนและพยายามบ่ายเบี่ยง ก็ต้องถูกดำเนินคดีฐานละเว้นฯ

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายก อบต. นั้น คือผู้จัดการมรดก ที่ดิน นส.3 เลขที่ 11 นี้ด้วย จึงอาจมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง

“…เมื่อสร้างโดยไม่ขออนุญาตก็ต้องรื้อถอน คุณต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่อย่างไรสุดท้ายเมื่อเกิดการเพิกถอนทั้งแปลงทุกอย่างก็จบหมด เรื่องนี้ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่เดิมหมด เจ้าของที่แท้จริงคือกรมอุทยานแห่งชาติ หลังจาก set zero แล้ว กรมอุทยานฯจะเป็นคนจัดสรรว่าจะให้ประชาชนส่วนไหนเป็นผู้ใช้ เป็นการรักษาสมดุลระหว่างประชาชนชาวอุรักลาโว้ย และนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาสู่เกาะ…” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวย้ำเรื่องการดำเนินการแก้ไขข้อพิพาทนี้

ส่วนกรณีที่เอกชน ,รพ.สต. และโรงเรียน จะแบ่งที่ดินส่วนหนึ่งทำถนนใหม่เข้าสู่ รพ.สต. จะเป็นการทำความดีลบล้างความผิดด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ส่วนที่ทำสามารถทำได้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน แต่ไม่สามารถลบล้างความผิดที่เกิดขึ้นแล้วได้ เพราะความผิดได้สำเร็จแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินการของคณะกรรมการฯ หลังนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งมาตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ถือว่ามีความล่าช้าจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐในระดับปฏิบัติการ ในท้องที่ จ.สตูล ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยอมรับว่าแทบทั้งหมด แต่เมื่อเกิดการเพิกเฉย ตนก็พร้อมดำเนินคดีอาญา แล้วจะทำให้การทำงานเร็วขึ้น อีกปัจจัยคือเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ต่างหน่วยต่างอยู่ ตนจึงต้องทำที่ กทม. และเดินทางลงพื้นที่ด้วย เพื่อเร่งให้แล้วเสร็จ

“…ที่ผ่านมา ผมรู้อยู่แล้วว่าต้องคิดว่าเหมือนเดิม คือลงพื้นที่มาแล้วก็จบ ก็เพิกเฉยได้เหมือนเดิม แต่ไม่เป็นไรเมื่อเพิกเฉยผมก็ดำเนินคดีเสีย เมื่อดำเนินคดีกับนายก อบต. ก็ตื่นตัวเอง เมื่อเห็นการบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกคนตื่นตัว วันนี้ก็ตื่นตัวหมด เดี๋ยวผมลงพื้นที่ ใครไม่ทำอีกก็ดำเนินคดีอีก เดี๋ยวก็เร็วเอง…” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำ

โดยในวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อไปเร่งรัดสำนวนการสอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชาที่บุกรุก และรีสอร์ตต่างๆที่รุกล้ำ รวมถึงการแก้ปัญหาลักลั่นของชาวประมงพื้นบ้าน เกิดจากการทับซ้อนของกฎหมายการประมงแห่งชาติและกฎหมายอุทยาน ทำให้ประชาชนได้รับปัญหามาโดยตลอด พร้อมนำทุกหน่วยงานมาปรึกษาหาทางออกให้ชาวบ้านสามารถประกอบอาชีพได้อย่างสมดุล ระหว่างการรักษาธรรมชาติ การท่องเที่ยว และการทำมาหากิน
เตอร์

Related Posts

Send this to a friend